xs
xsm
sm
md
lg

พก "ถุงยางอนามัย" = ไม่ประมาทและรับผิดชอบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สสส. เปิดตัวนิทรรศการยืมคืนเรื่องเพศรับวาเลนไทน์ มุ่งเป้าเด็กมหา’ลัย พร้อมสร้างค่านิยม พกถุงยางเท่ากับไม่ประมาท-รับผิดชอบ หลังพบวัยรุ่นใช้ถุงยางลดลง 50 % หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ทำตัวเลขซิลิฟิลิส เพิ่ม 5 เท่า

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 ณ อาคารเรียนรู้และปฏิบัติการรวม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรม สุขภาวะสัญจร เปิดตัวนิทรรรศการยืมคืนเรื่องเพศ เพื่อสื่อสารกับกลุ่มนักศึกษา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารเรื่องเพศที่ถูกต้องให้กับกลุ่มเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการท้องไม่พร้อม ภายในงานได้มีการบรรยาย หัวข้อ จะ Move on อย่างไร...ในระยะไม่ปลอดภัย โดยผู้แทนสายด่วนปรึกษาปัญหาเอดส์และท้องไม่พร้อม และหัวข้อ “ถุงยางอนามัย มัน(ส์) ดีตรงไหน? โดยมูลนิธิแพธทูเฮลท์

ทพ.ศิริเกียรติ เหลียงกอบกิจ ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า สสส. ทำงานเรื่องสุขภาวะทางเพศมาตั้งแต่ปี 2548 มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ที่เป็นสาเหตุของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เอชไอวี ซิฟิลิส หนองใน การตั้งครรภ์ไม่พร้อม รวมถึงมะเร็งปากมดลูก โดยในระยะ พ.ศ.2553-2554 สถิติแม่วัยรุ่น พุ่งสูงสุด คือ ในหญิงอายุระหว่าง 15-19 ปี 1,000 คน มีแม่วัยรุ่น 53 คน หรือมีแม่วัยรุ่นเพิ่มขึ้นถึงวันละ 400 คน ซึ่งจะเป็นวงจรที่บั่นทอนคุณภาพประชากรในระยะยาว เพราะไทยเรายังไม่มีมาตรการดูแลแม่วัยรุ่นที่ดีพอ สสส.จึงทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ในการป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมาอย่างต่อเนื่อง และได้ร่วมกันผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2557 ที่ให้การยอมรับสิทธิของวัยรุ่นที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ เช่น สถานศึกษาต้องจัดการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษา วัยรุ่นและนักเรียนนักศึกษาต้องเข้าถึงบริการคุมกำเนิดได้ วัยรุ่นที่ตั้งครรภ์มีสิทธิ์เรียนต่อในสถานศึกษาเดิมได้ ฯลฯ ผลจากการทำงานของหลายภาคส่วน ส่งผลให้ตัวเลขการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นลดลง โดยในปี 2561 กลุ่มวัยรุ่นหญิง 1,000 คน พบแม่วัยรุ่น 36 คน แต่กลับพบว่าแม่วัยรุ่นเข้าไปเรียนใน กศน. มากกว่าการเรียนในระบบปกติ แสดงว่าแม่วัยรุ่นยังไม่ได้สิทธิด้านการศึกษาอย่างเต็มประสิทธิภาพ แสดงให้เห็นว่าทัศนคติเรื่องเพศ ของผู้เกี่ยวข้องในระบบการศึกษา ยังงเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น

“แม้ตัวเลขแม่วัยรุ่นจะลดลง แต่กลับพบว่า วัยรุ่นที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงปี 2555-2560 ข้อมูลกรมควบคุมโรคระบุว่า กลุ่มอายุ 15-24 ปี พบการติดเชื้อซิฟิลิส เพิ่มถึง 4 เท่าตัวและโรคหนองในเพิ่มขึ้น ร้อยละ 50 ซึ่งผู้ป่วยมักนิยมซื้อยากินเองจึงทำให้เกิดเชื้อดื้อยา ซึ่งทั้งซิฟิลิส และหนองใน อาจแสดงอาการให้เห็นบ้างในระยะแรก แต่ต่อมาจะไม่แสดงอาการ จึงสามารถแพร่โรคต่อไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะรู้ได้ก็เมื่อมีการตรวจเลือดเท่านั้น เช่นเดียวกับเอชไอวีที่พบสถิติเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นด้วย ทั้งนี้ ถ้าเจาะตรวจแล้วพบผลเลือดบวก ปัจจุบันมีตัวยารักษาให้หายขาดได้ทั้งซิฟิลิสและหนองใน ส่วนผู้ติดเชื้อเอชไอวีถ้ากินยาสม่ำเสมอและไม่มีการรับเชื้อใหม่ ก็สามารถมีชีวินยืนยาวเท่าๆ กับคนปกติ” ทพ.ศิริเกียรติ กล่าว

ทพ.ศิริเกียรติ กล่าวว่า สสส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากเน้นย้ำการเปลี่ยนทัศนคติต่อเรื่องเพศ และถุงยางอนามัย ให้การพกและใช้ถุงยางอนามัยเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติในเรื่องนี้ เพราะถุงยางอนามัย ไม่เพียงป้องกันโรค ป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วย ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ อยากจะเชิญชวนสื่อสารเชิงบวกว่า การพกถุงยางเท่ากับไม่ประมาท การใช้ถุงยางเท่ากับมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ยังไม่มีประสบการณ์ จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเข้าไปอยู่ในสถานการณ์คับขัน ถุงยางอนามัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีไว้ติดตัวหยิบใช้ได้ทันที

นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กล่าวว่า ศูนย์เรียนรู้จัดทำเครื่องมือชุดนิทรรศการยืมคืนเรื่องเพศ เปิดกว้างสำหรับคนทั่วไป เพื่อนำไปสื่อสารเรื่องเพศอย่างถูกต้อง สามารถยืมได้ที่ ศูนย์เรียนรู้ภูมิภาค ในจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ น่าน ลำปาง ร้อยเอ็ด อุดรธานี ภูเก็ต ยะลา ออกแบบมาในกระเป๋าที่เคลื่อนย้ายง่าย มีแผ่นพับ เกม ครั้งนี้จัดให้มีห้องเรียนว่าเรื่องเพศและการจัดการ และห้องเรียนสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม นำบทบาทด้านสื่อสาร มาเผยแพร่ให้ความรู้ด้านการออกแบบการสื่อสาร การเขียนข้อความที่น่าสนใจ เพื่อสร้างเทคนิคการสื่อสารเรืองเพศให้แก่กลุ่มเป้าหมาย














กำลังโหลดความคิดเห็น