อธิบดีกรมการแพทย์ ชี้ยา 4 สูตรของจีนรักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นความพยายามศึกษายาเดิมที่มีกลไกยับยั้ง "ไวรัสโคโรนา" กลุ่มซาร์สและเมอร์สได้ผล ทั้งยาต้านไวรัสเอชไอวี ยาไข้หวัดใหญ่ ยามาลาเรีย และยาที่ใช้รักษาซาร์สและเมอร์ในห้องทดลอง
จากกรณีสื่อจีนรายงานยา 4 สูตร ที่ใช้รักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 คือ ยาเรมเดซิเวียร์ ยาคลอโรควิน ยาต้านไวรัสเอชไอวี คือ ยาโลพินาเวียร์และริโทนาเวียร์ และยารักษาไข้หวัดใหญ่ คือ อาร์บิดอลและดารูนาเวียร์
วันนี้ (7 ก.พ.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นโรคอุบัติใหม่ เกิดมาไม่ถึง 2 เดือน แพทย์ทั่วโลกก็ยังไม่รู้จัก อย่างไรก็ตาม ตามหลักการนั้นเชื้อไวรัสเราจะรักษาตามอาการ ไม่ได้มีการไปฆ่าโดยตรงได้ แต่มียาที่ไปออกฤทธิ์ในส่วนต่างๆ ของไวรัสได้ เช่น ไวรัสที่ล่องลอยในกระแสเลือดก็ไม่ให้เข้าไปในเซลล์ หรือถ้าเข้าไปในเซลล์ทำให้ไม่ไปแบ่งตัวได้หรือไม่ แล้วให้ภูมิต้านทานเราไปฆ่ามัน ซึ่งขณะนี้แพทย์ในหลายๆ ประเทศก็พยายามศึกษาและกลไกการออหฤทธิ์ว่าทำอย่างไรให้เชื้อไวรัสไม่แบ่งและไม่ให้เข้าไปในเซลล์ ก็ไปดูของเก่า เช่น ซาร์ส กับเมอร์ส มียาอะไรรักษาได้บ้าง ซึ่งสูตรยาของจีนที่เผยแพร่ออกมา ก็เป็นยาที่มีรายงานในอดีตในการใช้รักษาโรคซาร์สกับเมอร์ส ที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาเช่นกัน
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ยาทั้ง 4 สูตร คือ 1.ยาต้านไวรัสเอชอวี คือ โลพินาเวียร์กับริโทนาเวียร์ ซึ่งเป็นยาสูตรที่เอาไว้ใช้เมื่อดื้อยาเอดส์ ซึ่งตอนซาร์สกับเมอร์สก็ได้ผล จึงมีการนำมารักษา 2.เรมเดซิเวียร์ เป็นยาที่บริษัทสหรัฐอเมริกาผลิต โดยทดลองกับหนูทดลองในโรคซาร์สกับเมอ์สก็ได้ผล จึงเอามาใช้ เพราะเป็นกลุ่มโคโรนาเช่นกัน จึงลองเอามาลองใช้ 3.คลอโรควิน เป็นยารักษามาลาเรียมา 70 ปี แต่คิดว่าคลอโรควิน ไปเปลี่ยนความเป็นกรดด่างในเซลล์มนุษย์ หมอนักวิทยาศาสตร์คิดว่า พอกรดด่างในเซลล์เปลี่ยนก็จะไปห้ามไวรัสเข้าไปในเซลล์ไม่ดี เหมือนกับตัวไวรัสไม่รู้จักเซลล์แล้ว เพราะเซลล์เปลี่ยน และ 4.อาร์บิดอลและดารูนาเวียร์ สำหรับอาร์บิดอลนั้นใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ก็คล้ายกับโอเซลทามิเวียร์ ส่วนดารูนาเวียร์เป็นยารักษาเอชไอวี
"เป็นการเอายา 4 ประเภทมาทดลองใช้ ออกฤทธิ์คนละจุดก็น่าจะเสริมกันได้ เป็นที่ไปที่มาเหมือน รพ.ราชวิถี ที่ใช้ยาโลพินาเวียร์กับริโทนาเวียร์ ทำให้ไวรัสไม่แบ่งตัว แต่ถ้ามีไวรัสของใหม่เข้าไปเติมยาก็ไม่ไหว หมอที่ราชวิถีก็คิดว่าโอเซลทามิเวียร์ที่มีหลักทำงานให้เชื้อไม่เข้าไปในเซลล์ เข้าไปแล้วแบ่งไม่ได้ ภูมิต้านทานไปฆ่า ก็จึงเลือกมาใช้ ซึ่งคนไข้หญิงชาวจีนอายุ 70 ปี มีขนาดตัวใหญ่มากจึงได้ให้ดับเบิลโดส คือ 75 มิลลิกรัม เป็น 150 มิลลิกรัม และได้ 2ครั้ง จึงได้ 300 มิลลิกรัมต่อวันแล้วพบว่าดี ผลตรวจแล็บขณะนี้ก็เป็นลบไปแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะย้ายออกมา แต่ว่าคนไข้ยังให้ออกซิเจนอยู่ แต่ก็ลดลงมาทุกวันจาก 90% เป็น 80% 70% วันนี้ 60% ถ้าลดเหลือ 50% จะย้ายออกมาจากห้องแยกเป็นห้องปกติ" นพ.สมศักดิ์กล่าว