“คนขับแท็กซี่” ติดเชื้อไวรัสโคโรนา รายแรกในไทยหายดี ออกจาก รพ.แล้ว เจ้าตัวเผยวันแรกที่รู้ว่าติดเชื้อ น้ำตาไหล วิตกกังวล ขอบคุณทีมแพทย์ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ช่วยรักษา และให้กำลังใจจนหาย ยันไม่เคยรู้สึกไม่ดีกับนักท่องเที่ยวหรือชาวจีน เพราะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ฝากเตือนคนขับรถสาธารณะ สวมหน้ากากอนามัย หากเจอผู้โดยสารดูป่วย ไม่ปลอดภัย ให้ยื่นหน้ากากให้สวม ฝาก รบ.ช่วยเหลือกลุ่มคนขับสาธารณะ เรื่องชดเชยรายได้ จากการป่วยจนต้องเข้า รพ.
วันนี้ (5 ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมจำนวน 25 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็นกลับบ้านได้แล้ว 9 ราย และยังอยู่ใน รพ.อีก 16 ราย สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสม 549 ราย คัดกรองจากสนามบิน 48 ราย มารักษาที่ รพ.เอง 501 ราย ให้กลับบ้านแล้ว 124 ราย สำหรับผู้ป่วยที่หายดีเพิ่มอีก 1 ราย คือ รายที่เป็นคนขับรถแท็กซี่ติดเชื้อในประเทศไทยรายแรก ซึ่งรักษาอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร โดยมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการล่าสุดไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แล้ว ถือว่าหายเป็นปกติให้กลับบ้านได้ ส่วนญาติและผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วยรายนี้ ได้มีการตรวจติดตามทุกราย มีอาการปกติ ถือเป็นข่าวดีอีกข่าวหนึ่งในสถานการณ์ตอนนี้ สำหรับผู้ป่วยชายไทยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 และมีอาการรุนแรงมาก ก็ไม่ได้มีการเจ็บป่วยมากขึ้น อาการมีความทรงตัว แพทย์ได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้ป่วยรายอื่นๆ มีอาการดี
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อในประเทศรายแรก เป็นคนขับรถแท็กซี่ มีประวัติรับผู้ป่วยชาวจีน ต่อมามีไข้ แต่เมื่อป่วยได้หยุดอยู่กับบ้าน สวมหน้ากากอนามัยและมาพบแพทย์ จนตรวจพบและนำมาสู่การแยกโรค แม้มีอาการพอสมควร แต่ทีมแพทย์สถาบันบำราศนราดูรก็ได้ดูแลอย่างเต็มที่
นพ.กฤษฎา หาญบรรเจิด รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า ผู้ป่วยมีอาการไข้ ไอ และไอมาก จนรู้สึกว่าทำไมผิดปกติ จึงไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิ จนพบว่ามีการติดเชือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จึงมีการส่งตัวมายังสถาบันบำราศนราดูร เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2563 โดยมีอาการไข้ต่ำๆ มีไออยู่บ้าง และมีความกังวลกับโรค และได้รับการรักษา โดยให้ยาปฏิชีวนะหลายชนิด เพราะไม่สามารถแยกได้ว่าการติดเชื้อไวรัสร่วมกับแบคทีเรียร่วมด้วยหรือไม่
พญ.อนุตรา รัตน์นราทร แพทย์อายุรกรรมโรคปอด สถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า ช่วงที่มานอน รพ. 28 ม.ค. ผู้ป่วยยังมีไข้ต่ำๆ ไอเหนื่อย ต้องใช้ออกซิเจนช่วยพักผ่อน ประมาณ 2-3 วัน อาการเริ่มดีขึ้น ผลเอกซเรย์ปอดดีขึ้น เราได้ตรวจยืนยันผลของเชื้อ คือ ไม่พบเชื้อตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. 2563 และตรวจอีก 2 ครั้ง ก็ไม่พบเชื้อเช่นกัน อาการดีขึ้น จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้
ด้าน คนขับแท็กซี่ (สงวนชื่อนามสกุล) ที่รักษาหายจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ และมีน้ำตาคลอบางช่วง ว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยรักษาให้หายป่วย ตอนนี้มีความรู้สึกดีมาก แข็งแรง วิ่งรอบกระทรวงก็ยังได้ ส่วนความรู้สึกวันแรกที่ทราบว่าติดเชื้อนี้ คือ น้ำตาไหล เพราะไม่คิดว่าเราจะเป็น เนื่องจากเราทำงานหาเลี้ยงครอบครัว แต่วันแรกก็ได้ท่าน ผอ.เป็นกำลังใจให้ พูดคุยกับตนทุกวัน ว่า อย่าเครียด ให้ตั้งใจกินได้นอนหลับ ร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกัน และขอบคุณท่านรัฐมนตรีที่โทร.มาเยี่ยม ทั้งนี้ ขอฝากไปหาเพื่อนๆ ที่ขับรถแท็กซี่ หรือรถสาธารณะต่างๆ ที่เราคลุกคลีอยู่กับนักท่องเที่ยว ก็วอนให้ท่านทุกคนหันมาดูแลตัวเอง ไม่ใช่ว่าเราหาเงินอย่างเดียว แต่พอมีอะไรเกิดขึ้นมา รายได้ก็หดหาย ถ้าไม่หายครอบครัวก็จะแย่ ขอให้ทุกท่านที่ขับรถสาธารณะ โดยเฉพาะแท็กซี่ที่เป็นด่านแรกในการรับนักท่องเที่ยว ท่านอย่าลืมว่าอยู่ในรถแท็กซี่ บางทีติดไฟแดงอยู่กันเป็นครึ่งชั่วโมง หากเรามองว่านักท่องเที่ยวที่รับขึ้นมา ถ้าดูไม่ปลอดภัย เอาหน้ากากหรือมาสก์ให้เขาใส่เลย ขอร้องเขา ส่วนตัวเราก็วิงวอน จับพวงมาลัยเมื่อไรให้ใส่หน้ากากอนามัย
“อย่างผมดีอย่างว่า ครอบครัวผม เมื่อเวลาป่วย เราจะแยกการกินอยู่ทันที ทั้งช้อน แก้ว ของใช้ส่วนตัว การใส่ใจในครอบครัวของเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่แพร่เชื้อไปยังคนในครอบครัวและคนรอบข้าง ผมไม่ออกจากบ้านไปคุยกับใคร อยู่เก็บตัวอย่างเดียว ไม่ต้องมีใครมาโทษตัวเราว่าเป็นคนแพร่เชื้อ นำไข้หวัดอะไรต่างๆ ไปสู่คนอื่น อย่างผมติดโคโรนาก็ไม่มีความรู้สึกไม่ดีกับนักท่องเที่ยวหรือชาวจีน ผมรู้สึกว่าพี่น้องเราทุกคนในโลกเป็นครอบครัว โดยเฉพาะชาวจีน อย่างผมขับแท็กซี่ ถ้าพูดตรงๆ ก็คือ อู่ข้าวอู่น้ำของผมก็คือนักท่องเที่ยวที่หาเลี้ยงครอบครัว มีรายได้แต่ละวัน ผมรับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ผมมีความรู้สึกที่แย่ ดูข่าวจากในห้องแยกโรค ผมส่งกำลังใจให้แก่ชาวอู่ฮั่นทุกวันให้สู้ๆ อย่างผมยังสู้แล้วหายเลย” คนขับแท็กซี่ กล่าวและว่า ทั้งนี้ อยากฝากรัฐบาลให้ช่วยดูแลเรื่องของการจ่ายเงินชดเชย เพราะอาชีพคนขับรถสาธารณะ หากขาดรายได้ไปก็กระทบถึงทุกอย่างในครอบครัว อยากได้นโยบายที่ช่วยคนขับแท็กซี่ หรือรถรับจ้างสาธารณะว่า หากป่วยถูกกักตัว เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล มีนโยบายชดเชยรายได้ให้เขาหน่อย เพราะพวกเราหาเช้ากินค่ำ