xs
xsm
sm
md
lg

เอาตัวรอดยังไง จากชีวิตขมุกขมัว เมื่อเจอทั้ง "ฝุ่นพิษ-ไวรัสโคโรนา"

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ช่วงนี้หลายคนอาจรู้สึกว่า ชีวิตมันเทาๆ ขมุกขมัว เพราะไหนจะเจอทั้งฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่เดี๋ยวก็ผลุบเดี๋ยวโผล่ บางวันค่าฝุ่นลด บางวันก็พุ่งสูง แล้วยังมาจเอข้อกังวลเรื่องเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ต้นตอการระบาดมาจากประเทศจีน และยังไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ร่วมกันก่อโรคในช่วงนี้อีก จะดูแลรักษาร่างกายอย่างไร ให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้


พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงการดูแลสุขภาพตนเองในช่วงที่มีทั้งฝุ่นละออง PM 2.5 และสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ทั้งสองเรื่องนี้ใช้หลักพื้นฐานในการป้องกันตัวเองใกล้เคียงกัน คือ การสวมหน้ากากอนามัย ขณะออกไปในที่ชุมชนหรือที่แจ้ง ก็สามารถป้องกันฝุ่นและการสัมผัสเชื้อไวรัสได้ แต่ในส่วนของการป้องกันเชื้อไวรัสจะต้องเพิ่มการป้องกันด้านอื่นอีก คือ การล้างมือบ่อยๆ เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ ทางหลักคือการสูดเอาละอองฝอยที่มีเชื้อเข้าไป ซึ่งหน้ากากอนามัยตอบโจทย์ตรงนี้ในการป้องกันทั้งฝุ่นและละอองฝอยเข้าทางเดินหายใจ ส่วนอีกทางหนึ่งที่ติดเชื้อได้ คือ การที่มือไปสัมผัสกับเชื้อแล้วเอามาสัมผัสใบหน้า ขยี้ตา จมูก ปาก เชื้อก็จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อบุต่างๆ ซึ่งการล้างมือเป็นประจำสามารถช่วยได้

"หน้ากากที่สวมป้องกันไวรัส คนธรรมดาก็ใช้หน้ากากผ้าได้ คนป่วยก็ควรสวมหน้ากากอนามัย และบุคลากรทางการแพทย์ก็สวมหน้ากาก N95 ส่วนการป้องกันฝุ่นนั้นสามารถสวมหน้ากากอนามัยธรรมดาก็ได้ โดยเฉพาะในคนปกติ เพราะจากการทดสอบหน้ากากอนามัยสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ประมาณ 40% แม้น้อยกว่า N95 แต่ก็ลดความเสี่ยงลงไปได้ ถ้าเราไม่ใช่กลุ่มเปราะบางที่แพ้ง่าย หากสุขภาพดีแข็งแรงออกข้างนอก สวมไปก็จะดี เรียกว่าช่วงนี้เป้นโอกาสดี เพราะสวมหน้ากากก็ช่วยลดป้องกันทั้งฝุ่นและไวรัส" พญ.พรรณพิมล กล่าว


พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ส่วนช่วงนี้ที่มีคนไอจามมากเป็นการผสมผสานกัน ทั้งจากฝุ่นและไข้หวัด เพราะช่วงนี้อากาศเปลี่ยน ซึ่งมักจะเกิดอาการไข้หวัดตามมา ทั้งไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่ เช่นเดียวกันหากสังเกตฝุ่นก็จะมาพร้อมกับอากาศเปลี่ยน ซึ่งหากเป็นไข้หวัดร่างกายก็จะอ่อนแอลงจากปกติ ก็มีโอกาสติดเชื้ออื่นง่ายขึ้น แต่ในเรื่องของฝุ่นนั้นแม้จะทำให้ระคายคอ ไอจาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ เพราะการติดเชื้ออย่างที่บอกหลักๆ คือหายใจเอาเชื้อเข้าไป และการสัมผัสเชื้อแล้วมาขยี้หน้าตา ซึ่งคนทั่วไปหากไม่ใช่คนภูมิแพ้ พอกลับถึงบ้านพักผ่อนก็หายจากอาการ แต่ที่เราให้เลี่ยงฝุ่นเพราะมีผลในระยะยาว การที่ฝุ่นสะสมสมมากๆ ก็มีรายงานว่าฝุ่นจะไปเกาะติดตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และก่อโรคอื่นในภายหลัง คือ ไม่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว แต่ไม่ได้เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ แต่หลักการป้องกันเหมือนกันคือสวมหน้ากาก ส่วนเรื่องหน้ากากคาร์บอนนั้น ประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสไม่ได้แตกต่างจากหน้ากากอนามัยทั่วไป แต่คาร์บอนที่เคลือบไว้จะมีคุณสมบัติช่วยดูดซับกลิ่น ไอ ควันต่างๆ

สำหรับการใช้ตัวช่วยเพื่อลดฝุ่นและเชื้อไวรัส ที่กำลังเป็นกระแส ทั้งเครื่องฟอกอากาศเพื่อลดฝุ่นและกำจัดไวรัส รวมไปถึงโคมไฟยูวีเพื่อฆ่าไวรัสนั้น พญ.พรรณพิมล อธิบายว่า หากเป็นเรื่องของฝุ่น เครื่องฟอกอากาศสามารถช่วยกรองลดปริมาณลงได้ แต่ในส่วนของเชื้อไวรัสนั้น แม้จะกรองได้ แต่ข้อเท็จจริง คือ เชื้อไวรัสไม่ได้กระจายอยู่ตามอากาศไปมา และไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมได้นาน แต่เชื้อเมื่อออกจากร่างกายจะออกมาพร้อมกับละอองฝอย ซึ่งก็จะตกลงสู่พื้น ไม่ได้ลอยตัวอยู่ในอากาศ ดังนั้น เมื่อในบ้านไม่ได้มีคนป่วย ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อไวรัส แต่หากในบ้านมีคนป่วย ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน ล้างมือบ่อยๆ และทำความสะอาดบ้าน พื้นผิวต่างๆ ซึ่งการทำความสะอาดบ้านด้วยการใช้น้ำเช็ดถู ก็จะช่วยลดฝุ่น และช่วยลดไวรัสที่ตกอยู่ตามพื้นผิวจากละอองฝอยต่างๆ ด้วย

พญ.พรรณพิมล กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับโคมไฟยูวี ที่แม้รังสียูวีและความร้อนจะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ เพราะไวรัสไม่ได้ทนต่อสิ่งเหล่านี้ แต่ในสภาพแวดล้อมไวรัสก็อยู่ได้ไม่นานอยู่แล้ว และอย่างที่บอกว่าเชื้อไวรัสไม่ได้กระจายอยู่ในอากาศ ดังนั้น อุปกรณ์เหล่านี้ก็ไม่ได้จำเป็นเลย ยกเว้นอย่างกรณีไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่มีการระบาดมาก และเราไม่รู้ว่าใครมีเชื้อหรือใครป่วยจากเชื้อนี้ เชื้อก็อาจแพร่อยู่ในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หากมีการแพร่ระบาดถึงขนาดนั้นก็อาจเลือกนำมาใช้ได้ แต่สถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้

"สิ่งสำคัญคือเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศ ต้องมีการทำความสะอาดแผ่นกรองสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคขึ้นมาภายในบ้านด้วย และการออกจากบ้านไปในที่ชุมชนก็อาศัยการสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน ล้างมือบ่อยๆ เท่านี้ก็เพียงพอกับสถานการณ์ในขณะนี้แล้ว" พญ.พรรณพิมล กล่าว


พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า สำหรับการลดการป่วยจากฝุ่นและเชื้อไวรัส ซึ่งไม่ใช่แค่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่รวมไวรัสก่อโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ด้วยนั้น การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเสมอเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการที่ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทาน โอกาสติดเชื้อก็น้อย เพราะร่างกายจัดการได้ หรือหากติดเชื้อจริงอาการก็จะไม่รุนแรง หลักๆ ก็คือ อาหาร การออกกำลังกาย และน้ำ แต่ช่วงที่มีฝุ่นเช่นนี้การออกกำลังกายอาจทำได้ยาก ก็อาจต้องออกกำลังกายในพื้นที่ปิดหรือในห้อง ส่วนน้ำสะอาดที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายดี มีความชุ่นชื่น ซึ่งหากคอเราแห้ง เชื้อก็จะเข้าไปได้ง่าย ส่วนอาหารต้องเลือกรับประทานช่วยให้อบอุ่นร่างกาย กลุ่มที่เป็นผักผลไม้ที่ให้วิตามินแก่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซีหรือวิตามินกลุ่มอื่นๆ มักจะเป็นตัวช่วยเรื่องลดการอักเสบลง ก็จะแนะนำให้รับประทานกลุ่มเหล่านี้

ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า การป้องกันตนเองในช่วงนี้ ต้องรักษาสุขภาพก่อน แต่หากป่วยเป็นหวัด ก็สามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจรได้ เพราะสามารถต้านหวัดจากเชื้อไวรัสหลายชนิด ซึ่งกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคปอด สามารถกินฟ้าทะลายโจรในขนาดต่ำเพื่อป้องกันหวัดจากไวรัสได้ โดยเด็กกินฟ้าทะลายโจรวันละ 1 แคปซูล ผู้ใหญ่วันละ 2 แคปซูล แต่หากป่วยเป็นหวัดแล้ว ผู้ใหญ่กินครั้งละ 3-4 แคปซูล วันละ 3-4 ครั้ง หากเป็นเด็กก็ลดลงครึ่งหนึ่ง แต่หากปลูกฟ้าทะลายโจรใช้เอง ให้เก็บดอกและใบมาตากแห้ง หรือคั่วแล้วเก็บไว้ในโหลสุญญากาศ เก็บไว้ประจำบ้าน เมื่อป่วยก็นำมาชงเป็นชาดื่ม โดยผู้ใหญ่ใช้ประมาณ 1 ช้องแกง ส่วนเด็กใช้ 1 ช้อนชาเล็ก ใส่น้ำร้อนต้มเป็นชาทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที แล้วดื่มวันละ 3-4 เวลา นอกจากนี้ ยังต้องพักผ่อน กินน้ำ นอนหลับ อย่าไปเผยแพร่เชื้อ ถ้า 2-3 วันไม่ดีขึ้นเลย แย่ลงกว่าเดิมต้องไปหาแพทย์

นอกจากการกินผักและผลไม้ เพื่อเพิ่มวิตามินแก่ร่างกายในการสู้ฝุ่นและหวัดแล้ว สมุนไพรต่างๆ ก็สามารถนำมาปรุงอาหาร หรือทำเมนูต่างๆ เพื่อเสร้มภูมิต้านทานได้ ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำสมุนไพรพื้รบ้านใกล้ตัวที่เสริมภูมิต้านทานได้ เช่น กระเทียม ตะไคร้ กะเพรา เป็นต้น เอามาปรุงประกอบอาหาร เพื่อช่วยสร้างภูมิต้านทานร่างกาย และลดอาการของโรคหวัดจากเชื้อไวรัสโรคทางเดินหายใจต่างๆ ได้ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น