หมอแจงเคสเชียงใหม่ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ภายหลัง จากผลเป็นลบครั้งแรกเกิดขึ้นได้ เหตุเก็บตัวแย่างไม่ดีพอ หรือมีเชื้ออื่นร่วมทำให้เกิดอาการ ขณะเชื้อโคโรนากำลังฟักตัว จึงทำให้เจอภายหลัง ส่วนคนไข้รายอื่นที่นอนรักษาใกล้เคียง บุคลากรทางการแพทย์ มีการตรวจติดตามแล้ว แจงการให้ออกจากห้องแยกโรคเป็นวินิจฉัยของแพทย์แต่ละคน
วันนี้ (2 ก.พ.) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยชาวจีนที่เข้ารับการรักษาตัวใน รพ. ที่จ.เชียงใหม่ ซึ่งตรวจ 2 ครั้งแรกไม่เจอเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จึงให้ออกมาอยู่หอผู้ป่วยธรรมดา และเมื่อภายหลังเจออาการปอดบวมแล้วตรวจเจอเชื้อไวรัสนี้ จึงให้กลับเข้ามาอยู่ในห้องแยกโรค ว่า การตรวจไม่พบเชื้อในช่วงแรกเป็นไปได้หลายอย่าง คือ 1.ช่วงแรกอาจเป็นเชื้ออื่นร่วมด้วย และเชื้อโคโรนายังอยู่ในระหว่างการฟักตัว แล้วตรวจไม่เจอ และมาเจอในช่วงแสดงอาการพอดี 2.การเก็บตัวอย่างไม่มีคุณภาพพอ ซึ่งเป็นเรื่องที่เจอบ่อย สิ่งที่อยากได้คือเสมหะในลำคอมากกว่าน้ำมูก คนเก็บจ้องมีความเชี่ยวชาญพอ การเก็บน้ำมูกที่จะเจอเชื้อตัวอย่าง คนที่จะเก็บต้องมีความสามารถ อย่างไรก็ตาม ยืนยันชัดแล้วว่าผู้ป่วยป่วยด้วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่มีอาการดีขึ้น
ถามถึงผู้ป่วยรายอื่นที่พักรักษาร่วมวอร์ด นพ.ทวี กล่าวว่า มีการติดตามทั้งหมด โดยผู้สัมผัสคือผู้ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน ในระยะเวลาพอสมควร ซึ่งคนไข้ที่อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเข้าข่ายเป็นผู้สัมผัส ยิ่งเตียงใกล้ชิด 1-2 เมตร ถือว่าเสี่ยงสูง คนไข้เหล่านี้และบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอยู่และไม่ได้ใส่เครื่องป้องกันที่เหมาะสมถือว่าสัมผัสเช่นกัน ซึ่งจะมีการติดตามจนครบ 14 วัน และมีการตรวจเชื้อตามปกติว่ามีการติดหรือไม่ ส่วนคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยรายนี้ถือว่าไม่ได้เป็นผู้สัมผัสไม่ต้องเข้าระบบ
ถามต่อว่าต้องย้ำเกณฑ์ในการดูแลผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคหรือไม่ ว่าแม้ผลจะเป็นลบก็อย่าเพิ่งนำออกจากห้องแยกโรค จนกว่าจะหาย นพ.ทวี กล่าวว่า ตรงนี้ขึ้นกับแพทย์ผู้ดูแลว่าสงสัยอะไร เช่น อาการไข้หวัด ถ้าไม่ใช่เชื้อนี้ ก็จะจำหน่ายออก และเป็นหน้าที่ของแพทย์พิจารณาตามความเห็น หากสบายดีก็ไม่ต้องแอดมิทแต่ต้องแนะนำว่าถ้าไข้ม่ลก็ต้องกลับมา
