กรมการแพทย์แจงทีมไปรับ นศ.ไทยกลับจากอู่ฮั่น ต้องคล่องตัว มีประสบการณ์ มีทักษะด้านฉุกเฉินและโรคระบบทางเดินหายใจ ส่วนจำนวนเท่าไร ขึ้นกับจำนวน นศ. เตรียมถกเพิ่มเติมช่วงบ่าย ส่วนประเด็นยาที่จีนจะใช้รักษาไวรัสโคโรนา 2019 ต้องมีการติดตามข้อมูลก่อน ส่วนคนจีนป่วยไวรัสโคโรนารักษาหายจากไทยแล้วกลับไปติดใหม่ที่จีน ชี้ติดเชื้อซ้ำเกิดขึ้นได้ ขึ้นกับภูมิคุ้มกัน
วันนี้ (31 ม.ค.) นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีข่าวผู้ป่วยจีนที่รักษาหายแล้วในไทยแต่กลับมีการติดเชื้ออีกหลังกลับไปที่จีน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การติดเชื้อซ้ำสามารถเกิดขึ้นได้ แต่เนื่องจากไวรัสตัวใหม่ ข้อมูลต่างๆ ยังไม่มี ระยะนี้ก็ต้องติดตาม แต่ส่วนใหญ่คนที่เพิ่งหายจากไวรัส ระยะแรกๆ น่าจะยังไม่กลับมาเป็นใหม่จากไวรัสตัวอื่นๆ แต่ถามว่ากลับมาเป็นได้หรือไม่ หากดูจากไข้หวัดใหญ่ 2009 พบว่า 2-3 ปีก็กลับมาเป็นใหม่ได้ ขึ้นกับภูมิคุ้มกันว่ามีต่อเนื่องมากน้อยแค่ไหน แต่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังไม่ชัดเจน ต้องมีทีมติดตามข้อมูลเหล่านี้ เพื่อพัฒนาระบบการป้องกันโรคและวัคซีนในอนาคต ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล น่าจะเป็นเคสรีพอร์ตแรกๆ
เมื่อถามถึงยา 3 ตัวของจีนที่จะนำมาใช้รักษา นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ทีมวิชาการจะช่วยพิจารณา ถ้าใช้ได้ทีมผู้เชี่ยวชาญก็จะประกาศออกมาเอง อย่างไข้หวัดใหญ่ 2009 แรกๆ ก็ไม่มียารักษา แต่ใช้เวลาหนึ่งก็มียาทามิฟูร์ออกมาใช้ ตอนนี้พอเราได้ข่าว สิ่งสำคัญสุดคือดูระบบในการศึกษาตรงนั้น และบ้านเราก็ต้องมาศึกษาด้วย แต่ถ้าดูตัวเลขผู้ป่วยการติดเชื้อจากไวรัส ถ้าร่างกายเราแข็งแรงเราจะหายเอง การรับยาจะช่วยให้ผู้ป่วยบางรายที่ไม่แข็งแรง หรือกลุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการติดตามผล ซึ่งจะนำมาปรับใช้ในภายหลังหากมีข้อมูลที่ชัดเจน
เมื่อถามถึงกระบวนการดูแลนักศึกษาที่จะรับกลับมา นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขั้นตอนตามระบบ คือ ต้องเตรียมทีมว่า จำนวนเท่าไร และเป็นใครบ้าง ซึ่งขึ้นกับจำนวนนักศึกษา ที่ทราบคือมีประมาณ 60 กว่าคน แต่โดยหลักการคือ หากทุกคนปกติทีมที่ไปก็เป็นทีมคัดกรอง อาจมีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่ไปดูเรื่องการเปลี่ยนแปลงอาการระหว่างการเดินทาง เนื่องจากเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ทีมที่ไปต้องมีความคล่องตัว มีประสบการณ์ สามารถดูแลป้องกันตนเอง ต้องมีทักษะเรื่องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินและโรคระบบทางเดินหายใจได้ดี และอาจมีอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเดินทางด้วย ส่วนต้องสวมชุดป้องกันหรือไม่นั้น ในแง่การควบคุมป้องกันโรคก็เหมือนคนจีนที่มาไทย ขณะนี้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยงก็ต้องเฝ้าระวังและติดตามต่อไป ทีมแพทย์ที่ไปก็ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันตัวอย่างเต็มที่และอยู่ในข่ายเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน ซึ่งช่วงบ่ายวันที่ 31 ม.ค. ก็จะมีการหารือเรื่องเหล่านี้เช่นกัน