กรมควบคุมโรค เผยผู้ป่วยนครปฐม ยังต้องรอผลแล็บใช่ไวรัสอู่ฮั่นหรือไม่ ระบุจีนอาจติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากกว่า 1 พันราย มีความเป็นไปได้ แต่ไวรัสกลุ่มโคโรนามีหลายตัว บางตัวรุนแรง บางตัวไม่รุนแรง ระบุหลังจีนเผยต้นแบบพันธุกรรมเชื้อ ช่วยแต่ละประเทศตื่นตัวตรวจยืนยันมากขึ้น และประสานขอข้อมูลมาที่ไทย
วันนี้ (18 ม.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงการดูแลผู้ป่วยปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีการตรวจยืนยันว่า มีผู้ป่วยแล้ว 2 ราย ส่วนรายที่เฝ้าระวังอยู่ที่จังหวัดนครปฐม อยู่ในกระบวนการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะ แต่ก็ย้ำว่าเราไม่ปิดบังข้อมูล สำหรับผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคทั้งหมดในประเทศไทยมี 24 ราย ในจำนวนนี้มี 15 ราย รักษาอาการดีขึ้นกลับบ้านแล้ว เหลือ 9 ราย ซึ่งบางรายหายแล้ว แต่ยังให้อยู่ รพ.เพื่อตรวจให้ชัดเจนจนมั่นใจว่าป่วยจากเชื้อตัวไหน ซึ่งที่ผ่านมาพอตรวจแล้วก็พบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ สายพันธุ์บี
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ส่วนที่มีการคาดการณ์ในต่างประเทศว่า สถานการณ์ในประเทศจีนอาจจะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากกว่า 1 พันราย อาจจะมีความเป็นไปได้ แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสในกลุ่มโคโรนามีหลายตัว ตัวที่รุนแรงคือ เมอร์ส และซาร์ส นอกนั้นบางตัวก็ทำให้อาการรุนแรงได้ บางตัวก็ไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการจะนับจำนวนเคสได้ คือ ต้องเข้ารับการรักษาใน รพ.เท่านั้น หากไม่ป่วยมากก็ไม่มา รพ. ก็เลยไม่ได้มีการรายงานเข้าระบบ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้มากกว่า อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และไทยตรวจพบผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นทำให้หลายๆ ประเทศที่มีเคสเฝ้าระวังอยู่มีความตื่นตัว มีการตรวจยืนยันเชื้อมากขึ้น และมีหลายประเทศที่มีเคสเฝ้าระวังประสานขอข้อมูลมายังประเทศไทย เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และองค์กรระหว่างประเทศ
“ตอนนี้ที่จีนรายงานเสียชีวิต 2 ราย ทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ส่วนของเรา 2 รายที่เจอที่ไทยก็เป็นผู้สูงอายุเช่นกัน แต่คนอายุน้อย ร่างกายแข็งแรงก็ติดได้ แต่อาจจะไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่ใช่ข้อสรุป เพราะข้อมูลยังน้อย ต้องรอสักระยะก็จะเกิดการเรียนรู้ทั้งโลก แต่ไทยต้องยกระดับการป้องกันสูงสุดเอาไว้ก่อน ทำเชิงรุกเต็มที่เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนไทยโดยรวม รวมถึงนักท่องเที่ยวไว้ก่อน แม้จะทำให้การเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นสะดวกน้อยลงไปหน่อย แต่ก็แป็นไปตามมาตรฐานสากล” นพ.สุวรรณชัย กล่าว