"อนุทิน" แจงของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุด คือ สุขภาพที่ดี ยัน สธ.เตรียมพร้อมดูแล ปชช.ช่วงปีใหม่ แต่ไม่อยากให้เกิดบริการ ขอปชช.ดูแลสุขภาพตัวเอง มีสติระหว่างเดินทาง ช่วยลดอุบัติเหตุลดความรุนแรง ลั่นปี 63 เดินหน้าแบน 3 สารพิษ สร้างความเข้าใจผู้บริโภคไม่เลือกซื้อของมีสาร กำชับ อย.ทำฉลาก
วันนี้ (27 ธ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงของขวัญปีใหม่ 2563 ของ สธ. ว่า คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่ สธ.เตรียมความพร้อมทุกเรื่อง ทั้งบุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือ สิ่งจำเป็นต่างๆ ในการช่วยเหลือชีวิต เช่น เลือด เป็นต้น ในการดูแลสุขภาพประชาชนช่วงเทศกาล การรองรับการเจ็บไข้ได้ป่วยและอุบัติเหตุ แต่เราต้องการรอเก้อ ไม่ต้องการที่จะให้บริการสิ่งเหล่านี้แก่ประชาชน อย่างไรก็ตาม แม้เราจะมีความพร้อม แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ประชาชนต้องใช้ความระมัดระวังและมีสติตลอดเวลาในการเดินทาง หรือไปเที่ยวในช่วงเทศกาล อย่าเสพของมึนเมาไม่เป็นประโยชน์ บริโภคอาหารที่สะอาด ถูกสุขอนามัย ขับรถด้วยความระมัดระวัง จำกัดความเร็วตามกฎหมาย ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ด้วยสติ ระมัดระวัง และสำนึกไม่ทำความเดือดร้อนแก่คนอื่น ก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือหากเกิดก็แทบไม่มีความสูญเสีย ไม่ใช่เรื่องยากในการปฏิบัติ เราได้แต่เตือน แต่สิ่งที่ทำได้คือประชาชนเอง ย้ำว่าไม่มีอะไรดีไปกว่ามีสุขภาพที่ดีในปีใหม่นี้
เมื่อถามถึงการดำเนินการเกี่ยวกับ 3 สารพิษ คือ พาราควอต คลอร์ไพรีฟอส และไกลโฟเซตในปี 2563 นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.ยังยืนยันว่าแบน ผู้ที่เป็นกรรมวัตถุอันตรายส่วนของ สธ.ก็ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการใช้ 3 สาร ขณะที่เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนก็เพิ่งไปพบกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ก็ยืนยันเจตนารมณ์ สิ่งที่ สธ.จะทำคือการทำให้ประชาชนเข้าใจ รับรู้ข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับอันตรายและผลเสียจากการบริโภคอาหาร ปลูกผลิตผลทางการเกษตร โดยการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายให้มากที่สุด ก็ได้กำชับไปทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้มีการใช้ฉลากให้ผู้บริโภครับทราบพืชผักผลไม้ไหนปลอดภัยก็ออกฉลากกำกับ หรือหากมีสารก็ต้องออกฉลากบอก ประชาชนจะได้รู้ และเลือกซื้อหรือไม่ซื้อได้ หลายท่านอาจไม่ชอบคำพูดตน แต่ไม่มีใครรักสุขภาพท่านได้มากกว่าตัวท่านเอง จะเลือกกินหรือใช้ของอะไรต่างๆ โดยที่เรารู้ว่ามีอันตรายสุขภาพแล้วเลือกไปกินอยู่ ก็ช่วยไม่ได้
"หน้าที่ผมคือทำให้ทุกคนเข้าใจอย่างที่สุดจะบริโภคอย่างไรให้ปลอดภัย และการมาซ่อมก็ไม่มีทางซ่อมกลับไปเหมือนเดิม เจ็บป่วยติดเชื้อจากการกินสารพิษ รักษาให้หายได้ แต่ความสึกหรอสูญเสียของอวัยวะต่างๆ เกิดขึ้นแน่นอน ก็ต้องหลีกเลี่ยง เพราะไม่มีข้อบังคับใดๆ ใช้แล้วเกิดผล 100% ต่อให้มีประกาศไม่ให้ใช้ ก็จะยังมีการลัลอบใช้ และอันตรายมาก เพราะไปหาส่วนผสมของเขาเอง ทางที่ดีที่สุดคือไม่ซื้อ ไม่บริโภค ไม่ก่อให้เกิดความต้องการ ไม่ให้มีตลาดกับสินค้า อาหารพืชผักผลไม้ที่ใช้สารเคมี ไม่มีผู้ซื้อก็ขายไม่ออก ก็ต้องกลับมาปลูกอย่างสะอาดถูกต้อง พวกทำผิดกฎหมายทำให้ยาก ยุคนี้ สธ.พร้อม แต่ไม่ยินดีที่รักษาให้ ให้ทุกคนรักตัวเอง รักษาสุขภาพตัวเองมากที่สุด ถ้ามีปัญหาจะได้จัดการกำจัดปัญหาต่างๆ ง่ายขึ้น" นายอนุทิน กล่าว