สพฉ.ย้ำช่วยชีวิตผู้ป่วย ต้องทำก่อนถึง รพ. การปั๊มหัวใจต้องทำจนกว่าชีพจรหรือสัญญาณชีพกลับมา ต้องขัดจังหวะปั๊มหัวใจให้น้อยที่สุดระหว่างรอรถกู้ชีพขั้นสูงมารับตัว
จากกรณีคลิปชายสูงวัยเข้าต่อว่าอาสาสมัครกู้ภัยที่ทำการกู้ชีพ CPR ผู้ป่วยที่นอนหมดสติว่า ไม่รับพาไปโรงพยาบาล แม้จะมีการอธิบายถึงขั้นตอนการช่วยชีวิตแล้วก็ไม่ฟัง โดยชายสูงวัยมีอาการคล้ายมึนเมา จนเกิดกระแสวิจารณ์อย่างมาก
วันนี้ (16 ธ.ค.) ว่าที่ ร.ต. การันต์ ศรีวัฒนาบูรพา ผู้ช่วยโฆษกสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า การกู้ชีพกรณีดังกล่าวถือว่า ทำถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว เนื่องจากโดยหลักการเมื่อสายด่วน 1669 ได้รับแจ้งเหตุว่า มีผู้ป่วยหัวใจวาย ซึ่งเคสนี้เรียกว่า เป็นเคสผู้ป่วยวิกฤตสีแดง ต้องรีบช่วยเหลือให้รอดชีวิต และต้องใช้รถกู้ชีพขั้นสูง ซึ่งจะมีวิชาชีพและมีเครื่องมือช่วยชีวิตพร้อม แต่ระหว่างรอรถกู้ชีพขั้นสูงเข้าไปถึง ก็จะให้คำแนะนำ รวมทั้งจะส่งรถกู้ชีพขั้นพื้นฐาน เช่น รถจากมูลนิธิ กู้ชีพกู้ภัยต่างๆ ที่ผ่านการอบรมในการช่วยชีวิตคนเบื้องต้นไปสนับสนุนที่เกิดเหตุก่อน โดยการช่วยชีวิตนั้น สิ่งสำคัญต้องมีการกดหรือปั๊มหัวใจเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะ เลี้ยงสมอง และไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องขัดจังหวะการปั๊มหัวใจให้น้อยที่สุด คือ จะไม่เคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่างปั๊มหัวใจ เพราะหากยกขึ้นเปล อาจทำให้ต้องหยุดปั๊มหัวใจ และจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วยได้
"จะต้องทำซีพีอาร์จนกระทั่งชีพจรหรือสัญญาณชีพของผู้ป่วยกลับมา จึงจะเคลื่อนย้าย โดยระหว่างนั้นหากรถกู้ชีพขั้นสูงมาถึง ก็จะทำการช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจต่อ และให้ยากระตุ้นหัวใจ ใส่ท่อช่วยหายใจ และช็อตหัวใจ โดยทั้งหมดสามารถทำที่บ้านได้ ยกเว้นว่าบ้านไม่มีพื้นที่เอื้ออำนวยจริงๆ” ว่าที่ ร.ต.การันต์ กล่าวและว่า เดิมทีคนมักเข้าใจว่า การช่วยชีวิตจะต้องรีบพาไปโรงพยาบาลเท่านั้น แต่จริงๆ การช่วยชีวิตต้องทำก่อนถึงโรงพยาบาล เพราะช่วงฉุกเฉินคือ ระหว่างไปถึงโรงพยาบาล ดังนั้น หากทำซีพีอาร์ หรือการฟื้นคืนชีพได้อย่างเหมาะสมก็จะช่วยชีวิตได้