"หมอประกิต" ย้ำมาตรการซองบุหรี่แบบเรียบ 9 ธ.ค.นี้ บังคับแค่ผู้ผลิต นำเข้า ร้านค้า ไม่รวมคนสูบ ไม่ต้องกังวลใช้ซองแบบเก่าแล้วมีความผิด ยันช่วยภาพคำเตือนชัดขึ้น ลดแรงดึงดูด ป้องกันการโฆษณา ลดการสูบลงได้ สกัดนักสูบหน้าใหม่
วันนี้ (8 ธ.ค.) ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายซองบุหรี่แบบเรียบ วันที่ 9 ธ.ค.นี้ ว่า กฎหมายซองบุหรี่แบบเรียบ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้สูบ หากพบว่ามีซองบรรจุภัณฑ์แบบเก่าก็ไม่ได้มีความผิด ยกเว้นผู้นำเข้า ผู้ประกอบการร้านค้าที่จำหน่ายจะถูกปรับดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนลักษณะของซองบุหรี่แบบเรียบตามประกาศ ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นซองเรียบไร้ภาพทั้งหมด ยังคงมีภาพคำเตือนพิมพ์ด้านละ 1 แบบ ซึ่งเป็นแบบตามที่กรมควบคุมโรคกำหนดด้วยขนาดภาพ 85% ของพื้นที่ ส่วนพื้นผิวของซอง เป็นสีเขียวมะกอก เนื่องจากมีการสำรวจความคิดเห็นในวัยรุ่นของออสเตรเลียว่า เป็นสีที่ลดความดึงดูดได้ และห้ามใช้โลโก้สัญลักษณ์ตราสินค้า แต่ให้เป็นตัวหนังสือตามกฎหมายกำหนด คือ ความสูงไม่เกิน 4 มม.เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการซองบุหรี่แบบเรียบจะช่วยลดการสูบได้จริงหรือไม่ ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า มาตรการบุหรี่ซองเรียบ เป็นการดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบที่ทางองค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ประเทศสมาชิกปฏิบัติเพื่อป้องกันนักสูบหน้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ไม่ให้เข้าสู่วงจรนักสูบหน้าใหม่ ซึ่งประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศแรกที่ประกาศใช้กฎหมายบุหรี่ซองเรียบ ตั้งแต่ปี 2555 หลังจากประกาศใช้แล้ว พบว่าบุหรี่ซองเรียบทำให้อัตราการสูบบุหรี่ลดลง 0.2% ต่อปี ประกอบกับการศึกษาประสิทธิผลของสีประกอบภาพคำเตือนบนซองบุหรี่แบบปราศจากสีสัน พบว่า ผลการทดลองวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี เลือกสีเขียวขี้ม้าเป็นสีพื้นของซองบุหรี่แบบปราศจากสีสันมีความเหมาะสมในการลดความดึงดูดใจของซองบุหรี่ได้มากกว่าสีอื่น และเป็นสีที่นำมาประกอบภาพคำเตือนขนาดร้อยละ 85 บนซองบุหรี่แล้วทำให้กลุ่มตัวอย่างรู้สึกไม่อยากซื้อบุหรี่
"วัตถุประสงค์หลัก คือ บุหรี่ซองเรียบ ทำให้ภาพคำเตือนชัดขึ้น และทำให้บริษัทบุหรี่ไม่สามารถใช้ซองบุหรี่เป็นสื่อโฆษณาได้ ซึ่งจะส่งผลไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่ เพราะจะลดการดึงดูดในการสูบ อย่างในออสเตรเลียก็มีงานวิจัยว่าเห็นผลจริง ส่วนประเทศไทย มีการใช้หลายมาตรการ ทั้งมาตรการทางภาษี การรณรงค์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาไทยลดการสูบลงได้ประมาณ 0.5% และมาตรการซองบุหรี่แบบเรียบก็เช่นกัน ซึ่งมาตรการนี้บริษัทบุหรี่กังวลมากและที่ผ่านมาเคยฟ้องร้องประเทศที่ทำมาก่อน ทั้งออสเตรเลีย อังกฤษ แต่แพ้ ซึ่งได้ไปฟ้องถึงอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ และองค์การค้าโลก (WTO) แต่สุดท้ายพิจารณาออกมาคือ ไม่ขัดกฎหมายใดๆ แสดงว่ามาตรการนี้มีผลจริง” ศ.นพ.ประกิต กล่าวและว่า สำหรับประเทศไทย ถือเป็นประเทศในแถบเอเชียที่มีการประกาศใช้มาตรการนี้ และในต้นปีหน้าจะมีสิงคโปร์ และซาอุดิอาระเบียตามมา