สช.แจง ร.ร.สอนบริบาลให้ นร.ป่วยซึมเศร้าลาออก เพราะต้องกินยาทุกวัน ห่วงเรียนไม่จบ จบไปก็หางานทำยาก เหตุบริบาลทารกและผู้สูงอายุ ต้องมีความมั่นคงในอารมณ์ ประสาน ร.ร.คืนเงินค่าธรรมเนียมให้เด็ก ยันไม่ได้ผิดระเบียบ
นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมกมรส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวถึงกรณีสาวร้องถูกโรงเรียนผู้ช่วยพยาบาลไล่ออก เนื่องจากมีอาการป่วยโรคซึมเศร้า และกังวลจะความไม่ปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วยเหมือนกรณีคดีลูกฆ่าแม่หั่นศพตู้เย็น ว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่โรงเรียนผู้ช่วยพยาบาล แต่เป็นโรงเรียนสอนบริบาลเด็กและผู้สูงอายุ ตามข่าวก็คืออยู่ในพื้นที่เขตมีนบุรี โดยโรงเรียนที่เป็นประเด็นก็เปิดสอนมาตั้งแต่ปี 2548 ผลิตคนออกมาหลายรุ่น แต่สังคมชอบเรียกว่าหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งเปิดไม่ได้ เพราะต้องผ่านสภาการพยาบาล ทั้งนี้ โรงเรียนเอกชนก็อยู่ในความดูแลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จากการตรวจสอบดูแล้วพบว่า กติกาในการรับเข้าเรียนนั้น ต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และต้องมีใบรับรองแพทย์ แต่แพทย์ก็ตรวจแบบทั่วไป มีโรคเท้าช้างหรือไม่ วัณโรคหรือไม่ หรือโรคอันตรายอะไรหรือไม่ แต่ไม่ได้มีการพูดถึงโรคซึมเศร้า
นายอรรถพล กล่าวว่า จากการสอบถามพบว่า เมื่อเรียนไปๆ เด็กเป็นโรคซึมเศร้าที่เห็นได้ชัด เขาก็มองว่าคนที่จะไปบริบาลเด็กเล็ก บริบาลผู้สูงอายุจะต้องมีความมั่นคงในอารมณ์ ครูที่สอนเขากังวลว่า ถ้าน้องเรียนต่อไปก็อาจจะไม่จบ หรือจบไปจะไปทำงานที่ไหนได้ โรงเรียนก็มีการเจรจาดีๆ ให้น้องไปรักษาตัวก่อน เพราะกินยาทุกวัน ถามว่าจะกล้าจ้างหรือไม่ ถ้ายังกินยาซึมเศร้าอยู่แล้วให้ไปดูแลลูก ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเรื่องเซนซิทีฟ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องประสานงานกับทางโรงเรียน ว่าถ้ารู้ว่าไม่สามารถเรียนได้ สช.ก็จะเจรจาให้คืนค่าธรรมเนียมให้เด็ก ซึ่งก็เก็บค่าธรรมเนียม 1.8 หมื่นบาท ทั้งนี้ ยืนยันว่าเด็กที่มีปัญหาเรียนต่อไม่ได้ โรงเรียนก็มีสิทธิให้เด็กออกได้ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดระเบียบอะไรที่ สช.จะไปเอาผิด
