"กนกวรรณ" ตรวจเยี่ยม ร.ร.วัดดอนแก้ว ซึ่งเป็นโรงเรียนสร้างโอกาสของเด็กแม่สอด ดันโครงการเรียนผ่านออนไลน์เพื่อเพิ่มคุณภาพนักเรียน พร้อมชวนทุกภาคส่วนร่วมสร้างเด็กดอยไปสร้างชาติในอนาคต
นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ติดตามการสร้างโอกาสทางศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาสในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ของโรงเรียนอนุกูลวิทยา (วัดดอนแก้ว) การกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา ในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร (กพด.) ในพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีพระครูอนุกูลวรการ ผู้รับใบอนุญาต นางขวัญเรือน สุวรรณจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครูและนักเรียน ให้การต้อนรับ เมื่อเร็ว ๆ นี้
นางกนกวรรณ กล่าวว่า จากการรายงานการจัดการศึกษาให้กับสามเณรและนักเรียน 652 รูป/คน ภายใต้การกำหนดวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์และเป้าหมายที่ชัดเจน และสอดคล้องกับกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้การจัดการเรียนการสอนมีความก้าวหน้า ทั้งด้านทักษะวิชาการ ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม การกีฬา กิจกรรมหารายได้ระหว่างเรียน ตลอดจนรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดด้วย นักเรียนมีความรักความสามัคคีและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขบนความหลากหลายของศาสนาและชาติพันธุ์ รวมทั้งชุมชนให้เห็นความสำคัญกับโรงเรียนและให้ความร่วมมืออย่างเข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้โรงเรียนยังประสบปัญหาและมีความขาดแคลนในหลายส่วน ทั้งอาคารเรียนและห้องน้ำไม่เพียงพอ ขาดหอพักนอน ห้องสมุด ห้องเรียนวิทยาศาสตร์พร้อมอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ชำรุด และอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน
"ในสายตาคนส่วนใหญ่ มักคิดว่าโรงเรียนเอกชนมีความพร้อมอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงยังมีโรงเรียนเอกชนอีกหลายประเภท ที่จัดการศึกษาให้กับเด็กด้อยโอกาสโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย เช่นที่โรงเรียนอนุกูลวิทยาฯ แห่งนี้ ที่เป็นโรงเรียนเอกชนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา ที่มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำให้เด็ก ๆ ด้อยโอกาสเข้าถึงการศึกษา มีอาชีพ เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ในยุคนี้จึงต้องการสนับสนุนและเอื้ออำนวยการทำงานของโรงเรียนเอกชนทุกวิถีทาง เพื่อทลายทุกข้อจำกัดให้หมดไป ทำให้ครู นักเรียน และผู้บริหาร ขับเคลื่อนการสร้างคนเพื่อมาพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ ให้เจริญก้าวหน้า
นางกนกวรรณ กล่าวว่า จะเร่งดำเนินโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนออนไลน์ในโรงเรียนในระบบและนอกระบบที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ให้สามารถใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือช่วยให้ครูและผู้เรียน เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น และการเกลี่ยงบประมาณภายในจำนวน 250 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาค้างจ่ายเงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชน ทำให้ในปีงบประมาณ 2562 สามารถเบิกจ่ายเงินอุดหนุนได้ครบตามจำนวน รวมทั้งการสนับสนุนการปรับปรุงและพัฒนาอาคารสถานที่ ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคให้มีความพร้อมมากขึ้น โดยขอเชิญชวนทุกภาคส่วนในพื้นที่ มาร่วมสนับสนุนการจัดการศึกษากับโรงเรียนและกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพัฒนาเด็กไทยให้มีคุณภาพ เติบโตไปเป็นกำลังสำคัญในสร้างพื้นที่และสร้างประเทศในอนาคต