ผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กระตุกรัฐอย่ามัวแต่พูดเรื่องคืนเสียสาว ชี้คนมีเซ็กซ์-เสียตัวได้ทุกวัน แนวโน้มติดเชื้อสูงขึ้น เหตุใช้ถุงยางอนามัยน้อยลง พบเป็นแสนรายติดเชื้อแฝงแต่ไม่รู้ตัว เผยต้องใช้ 250 ล้านชิ้นต่อปี แต่รัฐสนับสนุนแค่ 50 ล้านชิ้น ควรควบคุมราคาให้ ปชช.วัยรุ่นเข้าถึงได้
วันนี้ (11 พ.ย.) นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวถึงกรณีข้อกังวลการมีเพศสัมพันธ์หรือการเสียตัวในคืนลอยกระทง ว่า ไม่อยากให้พูดว่าวันไหน คืนไหนจะเป็นวันเสียตัว เพราะถ้าคนจะมีเพศสัมพันธ์ก็สามารถมีได้ทุกเมื่อ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดล่วงหน้าและหามาตรการป้องกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องการไปไล่ตรวจสอบตามโรงแรมหรือสถานที่ต่างๆ แต่เป็นการตรวจสอบป้องกันในเรื่องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยการสวมถุงยางอนามัย โดยเฉพาะการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งวันนี้ในประเทศไทยมีจำนวนคนที่มีเชื้อเอชไอวีแต่ไม่รู้ตัว ไม่เคยไปตรวจมาก่อน นับเป็นแสนราย มีทุกช่วงวัย อายุน้อยลงเรื่อยๆ ประมาณ 15-16 ปี ก็เจอแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่รู้ว่าจะแจ็คพอตเมื่อไร ดังนั้น เรื่องการป้องกันการติดเชื้อต้องอยู่ในมือเรา เริ่มต้นด้วยตัวเราเอง ไม่ใช่ให้คู่เป็นคนเริ่ม อย่างเรื่องถุงยางอนามัยต้องเตรียมให้พร้อม ซึ่งเป็นอุปรกรณ์ที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้จริง
นายนิมิตร์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์การใช้ถุงยางอนามัยถือว่าน้อยลง แย่ลง เพราะเราเจอโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เยอะขึ้น ปัญหาที่ทำให้มีการใช้ถุงยางอนามัยน้อยนั้นพูดยาก แต่ที่พอจะบอกได้ คือ รัฐยังลงทุนเรื่องถุงยางอยามัยน้อยอยู่ เพราะจากข้อมูลความต้องการใช้ถุงยางอนามัยหากต้องการให้มีการป้องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้จริงต้องใช้มากถึงปีละ 250 ล้านชิ้น แต่รัฐไม่ว่าจะเป็นระบบหลักประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค มีการลงทุนซื้อถุงยางแจกจ่ายประชาชนเพียง 50 ล้านชิ้น หายไปประมาณ 200 ล้านชิ้น แล้วถ้าบอกว่าต้องให้คนดูแลตัวเอง ป้องกันตัวเอง ซื้อถุงยางอนามัยเอง แต่กลับไม่มีการควบคุมราคา ปล่อยให้ถุงยาง 3 ชิ้น 50 บาท วัยรุ่นอยากป้องกัน โอกาสที่จะมีกำลังซื้อเพื่อป้องกันตัวเองก็น้อยลง จริงๆ รัฐต้องเอื้ออำนวยความสะดวกให้มากกว่านี้
"นอกจากนี้ ในหมู่คนที่มีความเสี่ยงสูง คิดว่าการกินยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัย โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชาย ทำให้เจอโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น และเรายังไม่มีกระบวนการที่จะชวนให้คนคิด เตรียมตัวและป้องกัน ยังมาพูดเรื่องคืนเสียสาวอยู่ ทำให้การใช้ถุงยางอนามัยยังน้อย ท้องก่อนวัยก็เยอะ ตอนนี้โปรแกรมเรื่องการส่งเสริมป้องกันโรคน้อยลง ไม่มีใครพูดเรื่องนี้เป็นชิ้นเป็นอัน แคมเปญรณรงค์ก็น้อย การพูดเรื่องเพศศึกษาในโรงเรียนก็อ่อนลง แม้กระทั่ง พ.ร.บ.ป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ที่บอกว่าโรงเรียนต้องจัดการเรียนการสอนเรื่องเพศ เอาเข้าจริงๆ ก็ยังไม่ได้ทำตามเรื่องนี้กัน ดังนั้น จึงเป็นโจทย์ว่าเรายังเจอปัญหาเยอะอยู่ อย่างที่โทรเข้าไปปรึกษาที่สายด่วนปรึกษาเอดส์ และท้อง 1663 ไม่พร้อมก็เริ่มมากขึ้น วันละ150 สาย สะท้อนว่าไม่ได้ถุงยางอนามัย เป็นแบบนี้มา 8 ปี แล้ว ทั้งที่เราหวังให้มันลดลงแต่ก็ไม่ลดลงเลย นี่ก็สะท้อนด้วยว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการ์ดอ่อนลง ต้องกระตุ้นกันให้มากขึ้น" นายนิมิตร์ กล่าว