คืนลอยกระทงจมน้ำตายทุกปี เผยสถิติ 5 ปี ตาย 166 ราย กรมควบคุมโรคเตือน พ่อแม่ดูแลลูกอย่าให้คลาดสายตา ย้ำอย่าให้เด็กลงน้ำไปเก็บเงินในกระทง เสี่ยงจมน้ำเสียชีวิตได้แม้น้ำลึกเพียง 2-3 นิ้ว แนะวัยรุ่นคู่รักรู้จักยับยั้งชั่งใจ อย่าเพิ่งรีบมีเซ็กซ์ หากเลี่ยงไม่ได้ต้องป้องกัน
วันนี้ (8 พ.ย.) นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า วันลอยกระทง นอกจากต้องระวังอันตรายเรื่องของการจุดประทัด พลุ ดอกไม้ไฟแล้ว ยังต้องระมัดรัวังเรื่องของการจมน้ำด้วย ซึ่งทุกปีจะพบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำในคืนวันลอยกระทง จากข้อมูลกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เฉพาะช่วงลอยกระทง 3 วัน คือก่อนวันลอย วันลอย และหลังวันลอย ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา หรือปี 2557-2561 พบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำรวม 166 ราย โดยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 29 ราย ส่วนปี 2561 เพียงปีเดียว พบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ 26 ราย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 5 ราย ทั้งนี้ ขอย้ำว่า 1.อย่าใกล้ คือ อย่ายืนใกล้ขอบบ่อ 2.อย่าเก็บ คือ อย่าลงน้ำไปเก็บเงินในกระทง และ 3.อย่าก้ม คือ อย่าก้มไปลอยกระทง
"ผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตา และเพิ่มความระมัดระวังเมื่อนำเด็กเข้าใกล้แหล่งน้ำ โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ต้องอยู่ในระยะที่แขนเอื้อมถึง ไม่ปล่อยให้เด็กไปลอยกระทงกันเองตามลำพัง แม้จะอยู่บนฝั่งเพราะอาจพลัดตกหรือลื่นได้ รวมถึงในกะละมังหรือถังน้ำด้วย และไม่ควรให้เด็กลงเก็บกระทงหรือเก็บเงินในกระทงเด็ดขาด เพราะเด็กอาจเสี่ยงจมน้ำและเสียชีวิตได้แม้น้ำจะลึกเพียง 2-3 นิ้ว ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุราและลงน้ำ หากมีการโดยสารเรือให้สวมเสื้อชูชีพทุกครั้งทั้งผู้ใหญ่และเด็ก" นพ.อัษฎางค์ กล่าว
นพ.อัษฎางค์ กล่าวว่า ส่วนกลุ่มวัยรุ่นให้มีสติ รู้จักป้องกันการมีเพศสัมพันธ์อย่างถูกวิธี คือ หาวิธีปฏิเสธหรือต่อรองในการมีเพศสัมพันธ์ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดโรค หรือการตั้งครรภ์ที่ยังไม่พร้อม ส่วนโอกาสเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ คือ ระมัดระวังและไม่ควรไว้ใจผู้อื่นง่ายๆ ไปลอยกระทงเป็นกลุ่มไม่ไปในพื้นที่ล่อแหลมสุ่มเสี่ยง อย่าเปิดโอกาสที่จะอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ไม่ควรพิสูจน์ความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อเอชไอวี การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์