ศ.ดร.อรวรรณ ชัยลภากุล จุฬาฯ นักคิดค้นเทคนิคการตรวจวัดทางเคมีไฟฟ้าด้วยวัสดุเพชรเจือโบรอนรายแรกของไทย คว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2561 รับโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระบุ นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยรุ่นใหม่ คือ แรงขับเคลื่อนโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซีไอ เพิ่มความก้าวหน้าภาคอุตสาหกรรมไทย
เมื่อวันที่ 2 ส.ค. มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ประจำปี 2561 ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 36 โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมแสดงความยินดี พร้อมร่วมเสวนาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของนักวิทยาศาสตร์ไทยกับการขับเคลื่อนประเทศด้วยโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi)” ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
ศาสตราจารย์ ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล ประธานคณะกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและอธิการบดีสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) กล่าวว่า การพัฒนาและขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศไทย จำเป็นต้องอาศัยนักวิจัยในการคิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างองค์ความรู้ที่มีศักยภาพไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือการใช้งานด้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยเฉพาะโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ซึ่งจะนำมาสู่การพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงภายใต้โมเดล “ประเทศไทย 4.0” ของรัฐบาล
“จากการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆ ใน 137 ประเทศทั่วโลก (The Global Competitiveness Report 2017-2018) พบว่า ระดับความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 32 ระดับความสามารถด้านการศึกษาในระดับอุดมศึกษาไทยอยู่อันดับที่ 57 ความพร้อมด้านเทคโนโลยีอยู่ในอันดับที่ 61 และการสร้างนวัตกรรมอยู่อันดับที่ 50 และหากเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ในอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศ พบว่าการสร้างนวัตกรรมของไทยอยู่อันดับที่ 4 ในขณะที่คุณภาพของระบบการศึกษาอยู่ในอันดับที่ 4 เช่นกัน”
ดังนั้น การที่จะยกระดับประเทศไทยให้ก้าวไปสู่การพัฒนาแบบก้าวกระโดด และเปลี่ยนจากการเป็นผู้ซื้อเทคโนโลยีมาเป็นผู้สร้างนวัตกรรมเช่นเดียวกับประเทศชั้นนำในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือสิงคโปร์นั้น จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมความเป็นเลิศในสาขาวิจัยที่สร้างศักยภาพให้กับประเทศ การเชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การสนับสนุนนักวิจัยและผู้นำกลุ่มนักวิจัยชั้นแนวหน้า และการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัย เพื่อเร่งสร้างนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย วิศวกร ฯลฯที่มีคุณภาพให้เพียงพอต่อความต้องการ และให้ทันต่อการพัฒนาโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) อันเป็นการพัฒนาประเทศชาติให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนอย่างแท้จริง
สำหรับในปีนี้ คณะกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ ศาสตราจารย์ ดร.อรวรรณ ชัยลภากุล ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2561 ได้รับโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 400,000 บาท
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ ดร.อรวรรณ เป็นผู้ริเริ่มการนำขั้วไฟฟ้าเพชรเจือโบรอน (Boron-doped diamond, BDD) มาใช้เป็นรายแรกของไทย ซึ่งขั้วไฟฟ้านี้ใช้เป็นเซ็นเซอร์สำหรับการตรวจวัดสารประกอบอินทรีย์และสารประกอบอนินทรีย์ สามารถประยุกต์ใช้ทางด้านสิ่งแวดล้อม ทางด้านอาหาร และทางด้านการแพทย์ อีกทั้งเป็นการช่วยลดการนำเข้าอุปกรณ์การตรวจวิเคราะห์จากต่างประเทศ และเป็นการช่วยส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมในการผลิตอุปกรณ์ตรวจวัดเพื่อใช้งานได้เองภายในประเทศ และด้วยผลงานที่มีคุณภาพจึงทำให้ ศาสตราจารย์ ดร.อรวรรณ ได้มีบทบาทหน้าที่สำคัญทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติด้านต่างๆ และมีผลงานวิจัยมากมายที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง รวมถึงได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารระดับโลกมากมาย
สำหรับรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี 2561 ได้รับโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมรากุมารี และเงินรางวัล 100,000 บาท ได้แก่
1.ดร.จุฬารัตน์ วัฒนกิจ สำนักวิชาวิทยาการพลังงาน สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC)
ผลงานวิจัย “ตัวเร่งปฏิกิริยานาโน สู่การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน”
2.ผศ. ดร.เจ้าทรัพย์ บุญมาก สาขาวิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผลงานวิจัย “ผลึกวิทยาของวัสดุโคออร์ดิเนชันพอลิเมอร์และสารเชิงซ้อนชนิดใหม่”