xs
xsm
sm
md
lg

“เม จีระนันท์” แฉคลินิกส่งต่อศัลยกรรมหน้าอกที่เกาหลี ใช้ “หมอ-พยาบาล” ต่างชาติ จี้แพทยสภา-สบส.ตรวจสอบเอเยนซี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เม จีระนันท์” อดีตนักร้อง ยื่นแพทยสภา-สบส.ตรวจสอบ “คลินิก-เอเยนซี” ส่งตัวไปศัลยกรรมหน้าอกที่เกาหลี แฉใช้หมอ พยาบาลต่างชาติ รับพลาดที่ไม่ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ขอเป็นอุทาหรณ์เตือนคนอยากทำศัลยกรรม ด้านแพทยสภาพร้อมตรวจสอบ เสนอควรออกกฎหมายคุมเอเยนซีทางการแพทย์

วันนี้ (2 ส.ค.) น.ส.จีระนันท์ กิจประสาน หรือ เม อดีตนักร้องสาว พร้อมทนายความ เดินทางมายังแพทยสภา เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนหลังได้รับความเสียหายจากการทำศัลยกรรมหน้าอกที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยมี นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ ที่ปรึกษาแพทยสภา เป็นผู้รับมอบ ก่อนเดินทางไปยื่นเรื่องที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

น.ส.จีระนันท์ กล่าวว่า อยากขอให้ตรวจสอบคลินิกที่เป็นสาขาของ รพ.ศัลยกรรม ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งพบว่า มีแพทย์และพยาบาลชาวเกาหลีเป็นคนดำเนินการ ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบเอเยนซีด้วย ซึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจความงามเติบโตมาก มีคนไทยจำนวนมากไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีใต้โดยไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง หลังจากเคสของตนถูกเปิดเผยก็มีคนติดต่อผ่านอินบ็อกซ์เข้ามาเยอะมาก บางคนเสียหายเล็กน้อย บางคนเสียโฉมแก้ไขไม่ได้ ส่วนคดีของตนก็แค่ได้รับเงินค่าทำศัลยกรรมคืน แต่ไม่ได้รับการติดต่อหรือการชี้แจงจาก รพ. และแพทย์ที่เกาหลีอีกเลย มีเพียงการโพสต์ข้อความของเอเยนซีเพียงครั้งเดียว โดยทีมทนายความนำโดย นายวันชัย สอนศิริ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐานฟ้องร้องต่อไป โดยสัปดาห์หน้าจะไปร้องเรียนที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้ตรวจสอบเอเยนซีและอาจจะไปร้องกองปราบด้วย

น.ส.จีระนันท์ กล่าวว่า สำหรับเอเยนซีที่ตนเลือก ยอมรับว่า เป็นความผิดพลาดของตนเองที่ศึกษาข้อมูลน้อย เพราะเห็นแค่รีวิวจากเฟซบุ๊กและยูทูบเท่านั้น โดยเขาบอกแค่ว่า เป็นเอเยนซีที่เปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ประเทศเกาหลี มีเลขที่ประจำตัวผู้เสียภาษี และดูแลไม่ทอดทิ้งในกรณีที่เกิดปัญหาเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับเอเยนซีเถื่อน แถมยังเป็นแอมบาสเดอร์ของที่ รพ.แห่งนั้นด้วย แต่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลผลเสียข้อมูลจากการผ่าตัด ซึ่งหลังจากรับบริการแล้ว ทำให้รู้ว่าการดูแลของเอเยนซีดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามที่โฆษณาหรือให้ความมั่นใจ สุดท้ายก็ปัดความรับผิดชอบ ทั้งนี้ เอเยนซีดังกล่าวเคยจัดงานคอนซัลท์ที่ประเทศไทย แต่จริงๆ เป็นการจัดงานขึ้นเพื่อให้มาปรึกษาเรื่องการทำศัลยกรรม วางเงินมัดจำและนัดหมายเดินทางไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีจำนวนมาก เดือนละเป็นร้อยคน มีการให้ส่วนลด โปรโมชัน โฆษณาชวนเชื่อต่างๆ

“หลังเกิดเรื่องขึ้นจึงหาข้อมูลเพิ่ม ทำให้รู้ว่า แพทย์ไทยเก่งเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในเรื่องของการทำศัลยกรรมหน้าอก จึงอยากฝากถึงคนที่คิดทำศัลยกรรม ให้นำกรณีของตนไปเป็นตัวอย่างของการตัดสินใจที่ผิดพลาด ต้องหาข้อมูลให้รอบด้าน อย่าดูแค่รีวิวโฆษณาที่เขาคัดเพียงคนที่ทำออกมาแล้วประสบความสำเร็จ ซึ่งคนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จจนเปลี่ยนชีวิตก็มี แต่ก็มีหลายคนเสียหายแก้ไขกลับมาไม่ได้ บางคนเสียโฉม พิการ รวมถึงเสียชีวิตด้วย อย่างตนก็เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง และขอให้ศึกษาผลกระทบจากการทำศัลยกรรม แม้แพทย์หรือเอเยนซีจะบอกว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากเรามีความรู้ก็ดูแลตัวเองได้ทัน และอยากให้เลือกทำในไทยเป็นที่แรก เพราะเวลามีปัญหาการดูแลหลังผ่าตัดเป็นเรื่องสำคัญมาก” น.ส.จีระนันท์ กล่าว

นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า จะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการจริยธรรมแพทยสภาในสัปดาห์หน้า เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝ่าย คือ 1.การนำแพทย์ต่างชาติเข้ามาให้บริการเมืองไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ หากทำเท่ากับเป็นแพทย์เถื่อน และมีแพทย์ไทยเกี่ยวข้องให้แพทย์ต่างชาติเข้ามาทำหัตถการหรือไม่ 2.สบส.ต้องไปดูสถานบริการว่าได้มาตรฐาน ใช้แพทย์ต่างชาติหรือไม่ และ 3.สภาการพยาบาล ต้องดูว่ามีการนำพยาบาลต่างชาติเข้ามาหรือไม่ ส่วนเรื่องของเอเยนซีนับเป็นปัญหามาก สคบ.ต้องเป็นคนดูแล ซึ่งการคุมกำเนิดเอเยนซีเป็นเรื่องยาก แต่ควรทำให้ถูกกฎหมาย ซึ่งอยากให้มีการออกกฎหมายควบคุมมาตรฐานเอเยนซีทางการแพทย์ เหมือน พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ที่เขียนชัดเจนเรื่องเอเยนซี

ด้าน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า สบส.ได้ลงไปตรวจสอบคลินิกที่มีการส่งต่อคุณเม มารักษา ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าทุกอย่างเป็นไปตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ไม่พบแพทย์หรือพยาบาลชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คุณเมมายื่นเรื่องก็จะลงไปตรวจสอบอีกครั้ง สำหรับการรักษาหรือวินิจฉัยของแพทย์ชาวต่างชาติ ต้องขออนุญาตจากแพทยสภาก่อน โดยจากการสอบถามแพทยสภา ยังไม่มีผู้มาขออนุญาต ส่วนเรื่องสถานประกอบการจะเป็นของคนไทยหรือต่างชาตินั้น พ.ร.บ. ไม่ได้กำหนด แต่ตอนนี้พบว่า ยังไม่มีต่างชาติเข้ามาขอขึ้นทะเบียน ส่วนผู้ดำเนินการสถานพยาบาล หากชัดเจนว่ามีการปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้ามาดำเนินการรักษาจะมีโทษทางกฎหมาย จำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท ส่วนตัวแพทย์ต่างชาติเข้าข่ายเป็นแพทย์เถื่อน มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท และสถานพยาบาลที่รับแพทย์เถื่อนหรือเครื่องมือไม่ได้มาตรฐาน อาจถึงขั้นปิดสถานพยาบาล แต่การตรวจจับไม่ใช่ว่าจะทำได้ทันที ที่ผ่านมาจึงมีการล่อซื้อเพื่อให้มีหลักฐานชัดเจน โดยพบว่ามีแนวโน้มการลักลอบเข้ามาของแพทย์ต่างชาติสูงเรื่อยๆ ซึ่งเราก็มีการทำหนังสือส่งไปยังสถานทูตให้มีการดูแลป้องปรามคนของตัวเองที่จะลักลอบเข้ามา

“พ.ร.บ.สถานพยาบาลใช้ควบคุมภายในประเทศ จึงขอให้ประชาชนใช้บริการทางการแพทย์ของไทย ซึ่งเรื่องความงามก็เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก เราไม่น้อยหน้าใคร หากมีความผิดพลาดเราจะสามารถตรวจสอบคุ้มครองได้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องคุ้มครองตัวเองก่อนด้วย โดยตรวจสอบสถานพยาบาลว่ามีเลข 11 หลัก มีใบประกอบโรคศิลป์หรือไม่ ผู้ดำเนินการเป็นแพทย์จริงหรือไม่ นอกจากนี้อาจจะต้องเข้ารับการรักษาตามเวลาที่เปิดปกติ หากนอกเวลาให้สงสัยไว้ก่อนว่าผู้ดำเนินการอาจไม่ใช่แพทย์ ซึ่งกรณีนี้ก็เคยพบว่าเจ้าของสถานบริการซึ่งไม่ใช่แพทย์มีการให้บริการเองช่วงนอกเวลาทำการ โดยเรื่องของคุณเมจะดำเนินการช่วยเหลือเต็มที่ เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนอื่นๆ ต่อไป” นพ.ธงชัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น