เปิดแล้ว สวนสาธารณะ “ป้อมมหากาฬ” พร้อมนิทรรศการเกาะรัตนโกสินทร์ หวังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเอกลักษณ์กรุงรัตนโกสินทร์ และ กทม.
วันนี้ (24 ก.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานพิธีเปิดพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬเป็นสวนสาธารณะ และนิทรรศการพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์บริเวณอาคารพระยาญาณประกาศ เพื่ออนุรักษ์โบราณสถานประเภทป้อม ซึ่งเหลืออยู่เพียงสองแห่งให้มีความโดดเด่นสง่างาม รวมทั้งปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรอบให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นที่สำหรับศึกษาหาความรู้ทางประวัติศาสตร์ เป็นพื้นที่นันทนาการประกอบกิจกรรมการละเล่นทางวัฒนธรรม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ของกรุงรัตนโกสินทร์ เช่นเดียวกับบริเวณป้อมพระสุเมรุและสวนสันติชัยปราการ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า จากที่ทุกภาคส่วนได้รับทราบและติดตามการปฏิบัติงานของกรุงเทพมหานครในการปรับปรุงพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬให้เป็นสวนสาธารณะและอนุรักษ์โบราณสถานของชาติ ที่ดำเนินงานมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ได้รับมอบหมายภารกิจจากรัฐบาลเมื่อปี 2502 กระทั่งปัจจุบัน ใช้เวลาถึง 59 ปี ป้อมมหากาฬเป็น 1 ใน 14 ป้อม ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ได้ทรงโปรดให้สร้างขึ้นตั้งแต่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี เพื่อป้องกันการรุกรานของข้าศึกศัตรู ซึ่งปัจจุบันคงเหลือป้อมเพียง 2 แห่ง คือ ป้อมพระสุเมรุและป้อมมหากาฬแห่งนี้
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า การดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณป้อมมหากาฬเป็นการเปิดมุมมองโบราณสถานประเภทป้อมและกำแพงให้มีความโดดเด่นสง่างาม รวมทั้งปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรอบให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นที่สำหรับศึกษาหาความรู้ทางประวัติศาสตร์ เป็นพื้นที่นันทนาการประกอบกิจกรรมการละเล่นทางวัฒนธรรม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ของกรุงรัตนโกสินทร์ เช่นเดียวกับบริเวณป้อมพระสุเมรุและสวนสันติชัยปราการ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้รับการปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะที่มีความสวยงานเป็นจุดเด่นของพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์อยู่ในปัจจุบัน จากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ทำให้โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ป้อมมหากาฬสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
“กรุงเทพมหานครหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่า สวนสาธารณะแห่งนี้จะเป็นอีกพื้นที่หนึ่งในเกาะรัตนโกสินทร์ ที่มีความสวยงาม ร่มรื่น และเป็นความภาคภูมิของประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ นอกจากนี้ ขอความร่วมมือประชาชน หรือนักท่องเที่ยว ไม่นำสุรา หรือเครื่องดื่มของมึนเมาเข้ามารับประทานภายในป้อม พร้อมทั้งช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดภายในป้อมให้มีสภาพสวยงามเหมาะกับเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติ และคงอยู่ชั่วลูกชั่วหลานเพื่อศึกษาถึงประวัติศาสตร์ต่อไป” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
สำหรับโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณป้อมมหากาฬเป็นโครงการที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กรุงเทพมหานครดำเนินการจัดซื้อที่ดิน เพื่อปรับปรุงพื้นที่หลังป้อมมหากาฬให้สะอาดเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2502 โดยมีที่ดิน 21 แปลง คิดเป็นเนื้อที่ 4 ไร่ 3 งาน 59.35 ตารางวา บ้านเรือน 28 หลัง และกรุงเทพมหานครได้มีการซื้อที่ดินเรื่อยมาจนถึงปี 2535 ได้มีประกาศใช้บังคับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร ในปี พ.ศ. 2535 กรุงเทพมหานครจึงได้เวนคืนที่ดินหมดทุกแปลง ซึ่งขณะนั้นปรากฏว่ามีโรงเรือนเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 102 หลังคาเรือน เจ้าของอาคารทุกรายได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายและได้รับเงินค่าทดแทนการรื้อถอนขนย้ายอาคารจากกรุงเทพมหานครตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา เจ้าของอาคารส่วนใหญ่ได้รื้อถอนขนย้ายอาคารออกไปจากพื้นที่เวนคืนแล้ว คงเหลือ 56 หลัง ที่ยังไม่รื้อถอน อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้พยายามเจรจาสร้างความเข้าใจกับเจ้าของบ้าน โดยชี้แจงข้อเท็จจริงให้เข้าใจการดำเนินงาน พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือเรื่องกำลังคนเพื่อขนย้าย ช่วยเหลือเรื่องรถในการขนส่งไปสถานที่ที่ต้องการ
รวมถึงการเข้าปรับปรุงอาคารสำนักงานประปาแม้นศรี (เดิม) ให้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวแก่ชุมชนที่รอบ้านพักถาวร พร้อมทั้งได้ประสานการเคหะแห่งชาติ ให้ผู้ที่สนใจเช่าซื้อที่พักอาศัยโครงการบ้านเอื้ออาทรนครชัยศรี (ท่าตำหนัก) และผู้ที่สนใจเข้าร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เพื่อให้อาศัยบริเวณชุมชนทอผ้า (เกียกกาย) อย่างถาวร กระทั่งผู้อาศัยภายในชุมชนยินยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ได้ทั้งหมด ส่งผลให้กรุงเทพมหานครสามารถเข้าดำเนินการเก็บเศษซาก ขยะ กรุยทาง ปรับปรุงพื้นที่ที่เป็นหลุมเป็นบ่อ เพื่อจัดทำเป็นสวนสาธารณะชั่วคราว มีการจัดประดับดอกไม้ ต้นไม้ พร้อมทั้งติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง และติดตั้งห้องน้ำชั่วคราว รวมทั้งจัดเวรยามเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้มาใช้บริการสวนสาธารณะแห่งนี้
สำหรับพื้นที่สวนสาธารณะบริเวณป้อมมหากาฬ และอาคารพระยาญาณประกาศ จะเปิดให้ประชาชนเข้าไปเที่ยวชม พักผ่อนหย่อนใจและศึกษาเรียนรู้ได้ ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. ของทุกวัน โดยภายในอาคารพระยาญาณประกาศได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของป้อมมหากาฬ 14 ป้อมตามแนวคลองรอบกรุง “บาง” วิถีการตั้งชุมชนริมน้ำ กรุงธนบุรี สร้างบ้านแปงเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ บางกอกและคลองลัด บางกอกเมืองป้อมปราการด่านขนอน และกรุงเทพฯ 250