xs
xsm
sm
md
lg

3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทยฯ เลิกแล้ว 1.3 แสนคน สูงกว่าช่วงปกติ 4 เท่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หมออนามัย-สสส. รุกปั่นจักรยาน 4 ภาค ชวนคนไทยเลิกบุหรี่ ตั้งเป้าปี 62 เลิกได้ครบ 3 ล้านคน ตามโครงการ 3 ล้าน 3 ปีฯ เผย ดำเนินการ 2 ปี ช่วยคนเลิกบุหรี่ได้มากกว่า 1.2 แสนคน มากกว่าช่วงเวลาปกติถึง 4 เท่า

วันนี้ (10 ก.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่บริเวณลานหน้าเสาธง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัด สธ. เป็นประธานเปิดกิจกรรม “6 x 4 รวมใจ ปั่น ปลุก ลุก สร้างกระแสรณรงค์โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทยเทิดไท้องค์ราชัน ปีที่ 3” ภายใต้แนวคิด “ปั่นปอดยิ้ม” จัดโดย สธ. ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมาคมหมออนามัย สมาคมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข และชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ภายในงานมีพิธีมอบเหรียญเชิดชูเกียรติและเกียรติบัตรแก่นักปั่นหลักที่ปั่นตลอดสายจำนวนกว่า 200 คน พร้อมส่งมอบรายชื่อผู้สมัครใจเลิกบุหรี่ จากทั่วประเทศให้ สธ. โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี (2559-2562) คือ วันที่ 30 พ.ค. 2562 จะมีจำนวนผู้เลิกบุหรี่ครบ 3 ล้านคน พร้อมกันนี้ นพ.โอภาส ร่วมติดสติกเกอร์ “ปั่นปอดยิ้ม” บนจักรยานของนักปั่น ซึ่งออกแบบโดยคู่รักนักปั่นรอบโลกคู่แรกของไทย คุณเจริญ และ อรวรรณ โอทอง

นพ.โอภาส กล่าวว่า โครงการ 6x4 ปั่น ปลุก ลุก สร้าง เป็นโครงการที่ชาวสาธารณสุขรวมพลังเป็นตัวอย่างที่ดีด้านสุขภาพ และทำให้คนไทยทั่วประเทศสมัครใจเลิกบุหรี่หันมาดูแลสุขภาพ ภายใต้โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ ทั่วไทย เทิดไท้ องค์ราชัน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า คนไทยสมัครใจเลิกบุหรี่ได้มากถึง 1.2 ล้านคน และมีผู้เลิกบุหรี่ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป 1.3 แสนคน ซึ่งน่ายินดียิ่งที่คนไทยทั้งประเทศเห็นถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ นำไปสู่สุขภาพที่ดีทั้งตนเอง ครอบครัวและสังคม อีกทั้งยังช่วยประเทศลดค่าใช้จ่ายการบริการภาครัฐได้ โดยที่ผ่านมาพบว่า ความสูญเสียจากการสูบบุหรี่ในไทย คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ ปีละ 75,000 ล้านบาท หากไทยลดนักสูบลงได้ จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางสุขภาพของประเทศลงได้มาก และเป็นไปตามเป้าหมายที่จะลดอัตราการสูบบุหรี่ลง ร้อยละ 30 หรือ ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ไม่น้อยกว่า 1.8 ล้าน คนในปี 2568 ตามมติองค์การอนามัยโลก ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศมีงบประมาณนำไปพัฒนาด้านอื่นๆ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งจะครบรอบเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 อีกทั้งเป็นการแสดงพลังของสาธารณสุขอำเภอและหมออนามัยทั่วประเทศ ทำกิจกรรมมุ่งสู่การลดละเลิกปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ รณรงค์ไม่สูบบุหรี่และส่งเสริมการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน ที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทั้งการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว รวมทั้งสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับสังคม ลดการสูบบุหรี่ที่มีสารเคมีอันตรายมากถึง 600 ชนิด และเมื่อผ่านการเผาผลาญแล้ว ก่อให้เกิดสารพิษมากกว่า 7,000 ชนิดและอีก 70 ชนิด เป็นสารก่อมะเร็ง การนำกิจกรรมปั่นจักรยานเข้ามารณรงค์ ขณะออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งสารเอนโดรฟิน หรือสารสร้างความสุข ทำให้ผู้สูบบุหรี่มีความสุขและลดการอยากสูบบุหรี่ ซึ่งหากทำเป็นประจำจะทำให้เลิกสูบบุหรี่ตามที่ตั้งใจไว้ได้ สอดคล้องกับข้อมูลที่พบว่า การปั่นจักรยาน 100 ชั่วโมง ช่วยลดอัตราการตายลงร้อยละ 10 และการปั่นจักรยาน 1 ชั่วโมง ช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้นอีก 1 ชั่วโมง การปั่นจักรยานจึงเป็น กุศโลบายที่ดีที่ในการเลิกบุหรี่ ตรงตามที่คู่รักนักปั่นจักรยานรอบโลกคู่แรกของไทยยืนยันไว้ว่า สำหรับคนที่สูบอยู่หากตั้งใจปั่นจะทำให้เขาลืมเรื่องการสูบ เพราะมุ่งปั่นในการปั่นและเห็นชัดเจนเรื่องสุขภาพกับการทำลายสุขภาพ ที่ต้องเลือกซึ่งจะทำให้เขาเลิกไปเองอย่างภาคภูมิใจ สสส. ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหักในกิจกรรมครั้งนี้ จึงหวังว่าการสร้างกระแสปั่นเลิกบุหรี่ในครั้งนี้จะทำให้คนไทยรักสุขภาพ เลิกบุหรี่กันมากขึ้น

นายมงคล เงินแจ้ง นายกสมาคมหมออนามัยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เครือข่ายหมออนามัย โดยสาธารณสุขอำเภอทุกอำเภอทั่วประเทศ 878 อำเภอ เป็นแกนนำแสดงพลังผลักดันการขับเคลื่อนองค์กร และเครือข่าย โดยออกมาปั่นจักรยานจากทั่วทุกภาคทั้งประเทศ มีทีมปั่นทั้งหมด 8 สาย ผ่าน 63 จังหวัด โดยมีผู้บริหารของทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอทุกอำเภอที่ผ่าน เข้าร่วมกิจกรรมและขานรับพร้อมสนับสนุนโครงการ ซึ่งมีความหมายถึงการร่วมมือรวมพลังการทำงานของ 6 องค์กรหลัก ปั่นจักรยานเพื่อมาแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันทั้ง 4 ภาค ของประเทศ เพื่อเชิญชวนให้คนไทย สมัครใจเลิกบุหรี่ให้ได้ 3 ล้านคน ตามเป้าหมาย ทั้งนี้ จากข้อมูลใน เว็บไซต์ของ Quitforking พบว่า กว่า 2 ปี ของโครงการ 3 ล้าน 3 ปีฯ มีผู้สูบบุหรี่สามารถเลิกได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปถึง 4 เท่าจากช่วงเวลาปกติ ที่มีผู้เลิกบุหรี่เฉลี่ยเพียง 30,000 คน ต่อปี และเป็นจำนวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ดังนั้น การรวมใจ ปั่น ปลุก ลุก สร้างกระแสครั้งนี้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ทำคนไทยทั้งประเทศเห็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และร่วมสร้างประวัติศาสตร์พลังหมออนามัย ประกาศเจตนารมณ์เลิกสูบบุหรี่ และสนับสนุนการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างชัดเจน








กำลังโหลดความคิดเห็น