“หมอธี” จ่อเด้งเจ้าหน้าที่ 4 ราย กองทุนเสมาฯ หากพบมีมูลเอี่ยวโกงเงิน ด้านคณะกรรมการสืบสวนฯ เตรียมเชิญอดีตข้าราชการให้ข้อมูล 5 เม.ย. ส่วนอดีตผู้บริหารระดับสูง แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ภายใน 10 เม.ย. พร้อมแฉ “รจนา” โกงเงินตั้งแต่ปี 2548 รวมทั้งหมดกว่า 110 ล้านบาท พบพิรุธโอนเงินเด็กตกเขียวให้ “ร.ต.ต.” และ “นาง”
วันนี้ (2 เม.ย.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้าทุจริตกองทุนเสมาฯ ว่า ล่าสุด นางรจนา สินที อดีตนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักกิจการการศึกษา สำนักงานปลัด ศธ. ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการแล้วนั้น ขณะนี้กำลังสืบสวนว่ามีใครที่เกี่ยวข้องบ้าง และยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 4 ราย หากพบว่า มีมูล จะต้องถูกย้ายออกจากตำแหน่งก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องรอผลการสืบสวนฯ เพื่อให้ความเป็นธรรม สำหรับข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานกองทุนฯนี้ ในเรื่องการเบิกจ่ายเงิน และกองคลัง แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการโกง แต่ปล่อยให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ก็ถือว่ามีความหละหลวม จะต้องถูกลงโทษทางวินัย ส่วนจะเป็นวินัยอย่างร้ายแรง หรือไม่ร้ายแรง ต้องรอข้อสรุปของคณะกรรมการสืบสวนฯ ต่อไป
ด้าน นายอรรถพล ตรึกตรอง ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้เชิญข้าราชการที่ยังรับราชการอยู่ มาให้ข้อมูลแล้ว สำหรับผู้เกี่ยวข้องซึ่งพ้นจากราชการไปแล้วจะมาให้ข้อมูล วันที่ 5 เม.ย.นี้ ส่วนผู้บริหารระดับสูง อดีตปลัด ศธ. รองปลัด ศธ. ที่เกี่ยวข้อง ขอให้ชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในวันที่ 10 เม.ย. นี้ ซึ่งมีบางคนชี้แจงมาบ้างแล้ว เนื่องจากทางคณะกรรมการสืบสวนฯ พบความผิดปกติเพิ่มเติม ในปี 2547 และปี 2548 ความผิดปกติเริ่มชัดขึ้น พบมีการโอนเงินเข้าบัญชีของนางรจนา และมีการโอนให้กับผู้ที่มียศนำหน้า ‘ร.ต.ต.’ ผู้ที่มีคำนำหน้าว่า ‘นาง’ มีการโอนเงินให้วัด ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะทุนนี้เพื่อนักเรียน โดยปี 2548 พบว่า มียอดการทุจริตอย่างไม่เป็นทางการ 2.9 ล้านบาท ทั้งนี้ ในภาพรวมทางบัญชีที่ถูกโกง ตั้งแต่ปี 2548 - 2561 พบว่า มีการทุจริตกว่า 110 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสอบสวนฯ ดำเนินการตรวจสอบพยานวัตถุ โดยนำทรัพย์สินทั้งหมดในห้องทำงานของ นางรจนา มาตรวจสอบว่าเชื่อมโยงอะไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลการสอบสวนข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ในเบื้องต้นพบความเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่นหรือไม่ นายอรรถพล ตอบว่า ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะจะเสียรูปคดี ทั้งนี้ ต้องขอข้อมูลจาก ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาร่วมการพิจารณาด้วย อีกทั้งคณะกรรมการสืบสวนฯ ขอเอกสารจากทางธนาคาร ขณะนี้ยังได้รับไม่ครบ เพราะมีบางบัญชีที่ปิดไปแล้ว จะต้องทำเรื่องขอจากสำนักงานใหญ่ ส่วนกรณีการโอนเงินโดยระบบจีโร่ (GIRO) ซึ่งไม่มีชื่อบัญชีเป็นปกติของธนาคาร แต่ในส่วนทางราชการ การโอนเงินต้องมีหลักฐานการเบิกจ่า ตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ต้องมีหลักฐานเลขที่บัญชี ชื่อ อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการสืบสวนฯได้ขอให้ธนาคารชี้แจงเรื่องดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว
