ก.แรงงาน มั่นใจมาตรการลดขั้นตอน เพิ่มเวลา เพิ่มช่องทาง รองรับรายงานตัวแรงงานต่างด้าวอีก 8 แสนคนเศษ ทันกำหนด 31 มี.ค. 2561
นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการเร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวกัมพูชา ลาว และ พม่า ที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (OSS) ที่ยังเหลืออีก 800,000 กว่าคน ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. นี้ ว่า ขณะนี้ใกล้ถึงกำหนดเวลาสิ้นสุด ยังคงมีแรงงานต่างด้าวอีก 800,000 คนเศษ ที่ต้องมาดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 31 มี.ค. 2561 ทำให้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำทะเบียนประวัติมากเกินกว่าขีดความสามารถการให้บริการของศูนย์ OSS ในแต่ละวัน ซึ่งกระทรวงแรงงานได้แก้ไขปัญหาเพื่อให้สามารถรองรับกลุ่มเป้าหมายให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด โดยกำหนดมาตรการรองรับ 3 เรื่อง คือ
1. ลดขั้นตอนการปฏิบัติ โดยแรงงานที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติและมีเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางแล้ว จำนวนกว่า 500,000 คน ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตีวีซ่าเพื่อขยายเวลาให้อยู่ได้ถึง 31 มีนาคม 2563 และกรมการจัดหางานอนุญาตให้ทำงานต่อไปได้ โดยมีเงื่อนไขให้คนต่างด้าวต้องไปทำทะเบียนประวัติและตรวจโรคในเสร็จภายใน 30 มิถุนายน 2561 มิฉะนั้นหลัง 30 มิถุนายน 2561 จะไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป ส่วนกลุ่มที่ยังไม่ได้พิสูจน์สัญชาติ จำนวนประมาณ 300,000 คน จะต้องดำเนินการในศูนย์ทุกขั้นตอน และต้องไปพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิถุนายน 2561
2. เพิ่มเวลาการทำงาน โดยเพิ่มเจ้าหน้าที่ในศูนย์อีกสองผลัด และเปิดดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง 3. เพิ่มช่องทางการรายงานตัว โดยกำหนดให้สามารถยื่นเอกสารเพื่อรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังเปิดให้สามารถใช้ระบบออนไลน์เพื่อเข้าไปรายงานตัวทางเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน www.doe.go.th ได้ตลอด 24 ชม. จนถึง 24.00 น. ของวันที่ 31 มีนาคม 2561 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการรายงานตัว เมื่อดำเนินการดังกล่าวแล้ว ระบบจะส่งข้อความตอบรับการรายงานตัวไปยังโทรศัพท์ของนายจ้างโดยอัตโนมัติ และนัดหมายให้ไปดำเนินการทำทะเบียนประวัติ ตรวจโรค และขออนุญาตทำงานต่อไป
“การดำเนินการตามมาตรการลดขั้นตอน เพิ่มเวลา เพิ่มช่องทางดังกล่าวข้างต้นกระทรวงแรงงานมั่นใจว่าจะสามารถรองรับการรายงานตัวของคนต่างด้าวที่เหลืออีกจำนวน 800,000 คนเศษได้ทั้งหมดภายในเวลาที่กำหนด คือ วันที่ 31 มีนาคม 2561 แน่นอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506” นายอนุรักษ์ กล่าว