“หมอธี” เผย ผลตรวจสอบทุจริตกองทุนเสมาฯ 88 ล้านบาท พบโอนเข้าบัญชีบุคคล 22 บัญชี เป็นญาติพี่น้องกัน ข้องใจเจ้าหน้าที่ 1 คน โอนเงินได้มหาศาล จี้ปรับปรุงระบบใหม่ทั้งหมด คาด ผลสอบชัดใน 2 เดือน มอบปลัด ศธ. แจ้ง ร.ร. รับทุนแจ้งความถูกยักยอกทรัพย์ พร้อมขยายผลตรวจสอบทุจริตทุกกองทุน
จากกรณีการตรวจสอบการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยมีการโอนเงินทุนการศึกษาของนักเรียนในโครงการเข้าบัญชีของบุคคลอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี 2551 - 2561 เป็นเงิน 88 ล้านบาท โดยมีข้าราชการระดับปฏิบัติที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 5 ราย
วันนี้ (12 มี.ค.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แถลงข่าวความคืบหน้าเรื่องนี้ ว่า นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. ได้รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีที่มีการโอนเงินกองทุนเสมาฯ แล้ว พบว่า เป็นการโอนเงินไปยังบัญชีบุคคลจำนวน 22 บัญชี ซึ่งเป็นญาติพี่น้องกัน เพราะใช้นามสกุลเดียวกัน จำนวนรวม 88 ล้านบาท โอนเงินไปยังหน่วยงานที่ต้องรับทุนจริงเพียง 77 ล้านบาท ซึ่งตนมอบให้ ปลัด ศธ. แจ้งสถานศึกษาที่ต้องได้รับเงินไปแจ้งความ เพราะถือว่าเป็นการยักยอกทรัพย์แล้ว และให้ปลัด ศธ.และคณะกรรมการกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเท็จแก่คณะกรรมการฯ โดยนำบัญชีของญาติพี่น้องมาใส่แอบอ้างว่าเป็นบัญชีของสถานศึกษา ในการขออนุมัติเงินกองทุนจากคณะกรรมการฯ
“เรื่องนี้แม้ว่าจะสารภาพว่าทำคนเดียว แต่กระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบกองทุนฯ ทั้ง 5 รายก็เดินหน้าไปอย่างเข้มข้น ทราบว่าขณะนี้ 1 ใน 5 รายก็ไม่มาทำงานก็ได้สั่งการให้ปลัด ศธ. ไปติดตาม ซึ่งเรื่องนี้ให้ตรวจสอบโดยเร็วที่สุด โดยข้อมูลต่างๆ มีอยู่แล้ว คาดว่าไม่เกิน 1 - 2 เดือนได้ข้อสรุปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหาย และการเอาผิดทางละเมิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนการอายัดทรัพย์เจ้าของบัญชีต่างๆ เป็นอำนาจของ ปปง. ก็ได้ประสานไปเรียบร้อยแล้ว” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีผู้บริหารระดับสูงกว่าซี 8 ที่รับผิดชอบเรื่องกองทุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยสั่งการให้ปลัด ศธ. ลงไปดูในรายละเอียด ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงผู้บังคับบัญชา ทั้งหัวหน้างาน ซึ่งเป็นคนนำบัญชีมาเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ มีส่วนรับรู้ด้วยหรือไม่ หรือว่าถูกหลอกไปด้วยกัน ซึ่งต้องรอให้คณะกรรมการสืบฯ แกะรอย เพื่อให้ได้ข้อมูล 100% เรื่องนี้ไม่มีมวยล้มแน่นอน
“ส่วนที่เกิดการทุจริตต่อเนื่องนานถึง 10 ปี เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมาเมื่อปลายทางได้รับเงินจะไม่มีระบบแจ้งกลับมา ส่วนเด็กที่ไม่ได้รับเงิน เมื่อสอบถามมาที่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ก็มีการโอนเงินไปเรื่องก็เลยจบ โดยอ้างว่าล่าช้าทั้งที่ความจริงเป็นการหมุนเงินมาคืน ตรงนี้จะต้องมาวางระบบปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ซึ่งก็ข้องใจเช่นกันและจะตรวจสอบระบบการโอนเงินว่าทำไมเจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงสามารถโอนเงินได้มากขนาดนี้ โดยไม่มีระบบตรวจสอบเลย ผมว่าบ้านเราต้องมีระบบที่ดีกว่านี้ในการตรวจสอบ แต่ไม่ว่าระบบจะดีอย่างไร คนก็ต้องดีด้วย ถ้าคนมีปัญหาเราก็ต้องจับได้เร็ว ซึ่งการพบทุจริตในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีในแง่มาตรการที่จะปราม ปราบ และป้องกันไม่ให้เกิดอีก” นพ.ธีระเกียรติ กล่าวและว่า ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ ปลัด ศธ. แจ้งไปยังผู้บริหารทุกองค์กรหลักของ ศธ.ตรวจสอบเงินที่จ่ายจากส่วนกลางไปยังสถานศึกษาและเด็ก ว่า มีกองทุนอะไรบ้างและเป็นเงินในส่วนใดด้วย ส่วนเรื่องเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวซ้ำซ้อนแสนกว่าคน แม้ไม่ใช่การทุจริต แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งของการซ้ำซ้อนอาจมีการทุจริตด้วย ซึ่งจะมีการกำชับอีกครั้งในการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. วันที่ 13 มี.ค. นี้
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเป้าหมายจะยกเลิกกองทุนเสมาฯ แต่จะพิจารณาว่าวัตถุประสงค์ของกองทุนมีความสอดคล้องกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เสนอเพื่อใช้ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาหรือไม่ หากสอดคล้องก็ยินดี ยกเงินกองทุนเสมาฯไปให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคฯ บริหารจัดการแทน