คปค. ห่วงประกันสังคมเยียวยา “ผู้ประกันตน” เสียหายการแพทย์ล่าช้า เหตุมีอนุกรรมการพิจารณา 4 คณะ ชี้ ต้องมีให้ครบทุกจังหวัด ช่วยรับเรื่องเยียวยารวดเร็วแบบบัตรทอง “หมอปิยะสกล” เชื่อ ขรก. อยู่ระหว่างดำเนินการ
ความคืบหน้ากรณีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการรับบริการทางการแพทย์ที่มีเพียงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) และล่าสุดสิทธิประกันสังคมเพิ่งออกหลักเกณฑ์เยียวยา หลังล่าช้ามากว่า 3 ปีนั้น
วันนี้ (22 ม.ค.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีได้รับความเสียหายทางการแพทย์ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปัจจุบันสิทธิบัตรทอง อาศัยมาตรา 41 ในการช่วยเหลือ ขณะที่ล่าสุดสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ก็ออกประกาศโดยยึดตามเพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่น ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีเช่นกัน และเมื่อ 2 สิทธิมีประกาศดังกล่าวแล้ว ตนก็เชื่อว่าทางกรมบัญชีกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะมีประกาศลักษณะนี้เพื่อให้ข้าราชการทุกคนเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อยู่ระหว่างจัดทำร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายทางการแพทย์ พ.ศ. ... ซึ่งจะครอบคลุมทุกสิทธิ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า เรื่องนี้ค่อนข้างใช้เวลา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งขณะนี้ทางคณะทำงาน โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กำลังดำเนินการให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ในทางเดียวกัน ก็มองว่าแต่ละกองทุนแต่ละสิทธิหากออกเป็นประกาศของตนเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จะดี ซึ่งขณะนี้เหลือเพียงสิทธิข้าราชการ คิดว่าน่าจะดำเนินการอยู่เช่นกัน
นายมนัส โกศล ประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) กล่าวว่า จริงๆ แล้วในเรื่องมาตรา 36 (7) เกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ได้รับความเสียหายจากการบริการทางการแพทย์นั้น ทางคปค.ขับเคลื่อนเรื่องนี้มาตลอด ตั้งแต่ พ.ร.บ. ประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2558 โดยได้ผลักดันขอให้ออกประกาศมาตลอด จนในที่สุดสำนักงานประกันสังคมนำเข้าคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) ซึ่งก็มีการถกเถียงกันในทางปฏิบัติงาน จนต้องส่งให้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา และตรวจสอบว่า สามารถทำได้ ซึ่งขั้นตอนนี้ค่อนข้างช้าจน 3 ปี แต่สุดท้ายก็ได้ และยืนตามอัตราของบัตรทอง
“สิ่งที่กังวลคือ ในทางปฏิบัติจะเกิดปัญหาความล่าช้า เนื่องจากประกันสังคมไม่ได้ทำรูปแบบเหมือนบัตรทอง ที่มีอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรายจังหวัดมานั่งพิจารณาให้ ซึ่งมีความรวดเร็ว เพราะการที่ระบุว่า จะแบ่งออกเป็น 4 โซน มีอนุกรรมการคอยพิจารณาเรื่องว่าเข้าข่ายการช่วยเหลือเบื้องต้นหรือไม่อย่างไรเพียง 4 คณะ แบ่งออกเป็นแต่ละโซนพื้นที่นั้น ผมว่าไม่เพียงพอ จริงๆ ต้องทำให้ครบทุกจังหวัด เพราะทุกวันนี้เรามีอนุกรรมการประกันสังคมจังหวัดอยู่แล้ว และที่คิดว่าจะเป็นปัญหาอีก คือ ในประกาศระบุว่า หากกรณีผู้ประกันตนที่ได้รับความเสียหายตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2558 มาจนปัจจุบันยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ให้มาแจ้งขอความช่วยเหลือได้ แต่ต้องแจ้งไปยังเลขาธิการสำนักงานประกันสังคมเท่านั้น ผมว่าไม่ถูกต้อง ควรไปที่จังหวัดเลย แบบนี้ไม่สะดวก และขัดเจตนารมณ์เพราะการช่วยเหลือต้องรวดเร็ว” นายมนัส กล่าว