xs
xsm
sm
md
lg

“หนุ่มสาวออฟฟิศ-คนขับรถ” 2 อาชีพขยับร่างกายน้อยกว่าเกณฑ์ แนะวิธีเพิ่มการเคลื่อนไหว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กรมอนามัย เผย อาชีพ “ชาวนา - ชาวประมง” ช่วยเคลื่อนไหวร่างกายสูงกว่าข้อแนะนำ พบสูงถึง 360 และ 480 นาทีต่อวัน จากมาตรฐาน 150 นาทีต่อวัน ชี้ ยังต้องเพิ่มกิจกรรมสร้างความอ่อนตัวของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ป้องกันบาดเจ็บ ส่วน “หนุ่มสาวออฟฟิศ - คนขับรถ“ อาชีพขยับร่างกายต่ำ ใช้พลังงาน 600 และ 500 กิโลแคลอรีต่อวัน แนะเพิ่มกิจกรรมทางกายระหว่างวัน พ่วงออกกำลังกายสร้างความแข็งแรงกล้ามเนื้อ

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงชุดคู่มือข้อแนะนำการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย การลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง และการนอนหลับ ว่า ชุดคู่มือดังกล่าวมีทั้งหมด 9 เล่ม แบ่งเป็นคู่มือกิจกรรมทางกายสำหรับ 5 กลุ่มวัย คือ ปฐมวัย วัยเรียนวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยสูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศในการจัดทำ (อ่านเพิ่ม เช็กเลย!! แต่ละ “วัย” ควรขยับร่างกายมากน้อยแค่ไหน) และอีกชุดคือกิจกรรมทางกายสำหรับ 4 อาชีพ คือ ชาวนา พนักงานบริษัท พนักงานขับรถ และชาวประมง ซึ่งร่วมกับ สสส. และคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการจัดทำ

“แต่ละอาชีพมีกิจกรรมทางกายแฝงอยู่ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของร่างกาย แต่จะหนักหรือเบาขึ้นกับแต่ละกิจกรรมของอาชีพนั้นๆ ทำให้แต่ละอาชีพมีความแตกต่างของการใช้พลังงานและกล้ามเนื้อในการทำงาน จึงต้องมีการวิเคราะห์เพื่อกำหนดรูปแบบการมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมในแต่ละอาชีพ โดยคู่มือกิจกรรมทางกายแต่ละอาชีพได้จัดทำขึ้นเป็น 4 อาชีพหลักของคนไทยที่มีกิจกรรมทางกายที่แตกต่างกันคือ ชาวนา ชาวประมง พนักงานออฟฟิศ และผู้ทำงานขับรถ” นพ.วชิระ กล่าว

นพ.วชิระ กล่าวว่า 1. อาชีพทำนามีการใช้พลังงานและแรงกล้ามเนื้อหลายส่วน โดยมีกิจกรรมที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของฤดูทำนา คือ ช่วงเตรียมดิน ดำนา บำรุงข้าว และเกี่ยวข้าว มีการใช้พลังงานต่อวันจากการทำงานแต่ละช่วง คือ 1,579 1,413 1,409 และ 1,507 กิโลแคลอรีตามลำดับ หรือคิดเป็นกิจกรรมทางกาย คือ ระดับปานกลางถึงหนักประมาณ 360 นาทีต่อวัน หรือ 2,520 นาทีต่อสัปดาห์ ซึ่งมากกว่าข้อแนะนำกิจกรรมทางกายในผู้ใหญ่ คือ 150 นาทีต่อสัปดาห์ หากชาวนาต้องการมีกิจกรรมทางกายเพิ่มเติมหลังทำงาน สามารถทำได้ด้วยการออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาเพื่อความสนุกสนานหรือคลายเครียด แต่สิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมในทุกช่วงของการทำนา คือ เพิ่มความอ่อนตัวของกล้ามเนื้อและข้อต่อ สร้างความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อ เนื่องจากบางช่วงมีการใช้กล้ามเนื้อที่อาจทำให้บาดเจ็บได้ เช่น การก้มตัวเพื่อดำนาเป็นเวลานาน หรือการยกกระสอบเมล็ดข้าว เป็นต้น

นพ.วชิระ กล่าวว่า 2. ชาวประมง มีกิจกรรมทางกาย 2 ช่วง คือ ช่วงทำประมง ระยะเวลาประมาณ 9 เดือน มีการใช้พลังงานต่อวันจากการทำงาน 3,022 กิโลแคลอรี หรือคิดเป็นกิจกรรมทางกาย คือ ระดับปานกลางถึงหนักประมาณ 480 นาทีต่อวัน หรือ 3,360 นาทีต่อสัปดาห์ และช่วงพักในฤดูมรสุม 3 เดือน มีการใช้พลังงานต่อวัน 186 กิโลแคลอรี หรือมีกิจกรรมทางกายระดับเบา 180 นาทีต่อวันหรือ 1,260 นาทีต่อสัปดาห์ ซึ่งทั้งสองช่วงมีความแตกต่างของกิจกรรมมาก จึงแนะนำว่า ช่วงพักควรมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลาง หรือหนักอื่นๆ เพิ่ม เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา ทำงานบ้าน เป็นต้น และควรบริหารร่างกายเพื่อสร้างความทนทานของกล้ามเนื้อ 2 - 3 วันต่อสัปดาห์ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อให้ครยทุกส่วน 5 - 7 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนช่วงทำประมงควรเพิ่มกิจกรรมสร้างความอ่อนตัวของกล้ามเนื้อและข้อต่อ โดยเฉพาะระหว่างการทำงาน เพื่อให้กล้ามเนื้อที่เกร็งคลายตัว

นพ.วชิระ กล่าวว่า 3. พนักงานบริษัท มักใช้เวลานั่งทำงานประมาณ 7 ชั่วโมงต่อวัน อาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อคอ ไล่ หลัง นิ้วล็อก จากท่านั่งใช้คอมพิวเตอร์ โดยพนักงานบริษัทมีการใช้พลังงานต่อวันจากการทำงานประมาณ 600 กิโลแคลอรี มีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางในแต่ละวันผ่านรูปแบบการเดินสั้นๆ เช่น ไปขึ้นรถโดยสาร ถือว่าเป็นอาชีพที่มีกิจกรรมทางกายน้อย โดยกิจกรรมทางกายที่ควรทำ คือ ระหว่างทำงานควรลุกยืนเดินทุก 2 ชั่วโมงให้ระบบเลือดไหลเวียนดี ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ลดการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่เกร็ง ส่วนช่วงเลิกงานควรมีการเคลื่อนไหวแบบแอโรบิกอย่างน้อย 10 นาที สะสมให้ได้ 30 นาทีต่อวัน เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ขึ้นบันได ว่ายน้ำ เป็นต้น หากไม่มีเวลาว่างให้เคลื่อนไหวจากการทำงานบ้านแทน นอกจากนี้ควรสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน เครื่องออกกำลังกายที่สาธารณะหรือฟิตเนส

นพ.วชิระ กล่าวว่า และ 4. ผู้ทำงานขับรถ จะอยู่ในท่านั่งเป็นเวลานาน ซึ่งมีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว โดยรูปแบบการคเลื่อนไหวของร่างกายคือมีท่าทางที่ซ้ๆ และอยู่ในพื้นที่จำกัด และต้องบังคับรถตลอดเวลา ทำให้ต้องเกร็งกล้ามเนื้อหลายส่วนคอ ลำตัว แขน ขา ทำให้มีอาการเมื่อยล้า ทั้งนี้ คนทำงานขับรถมีการใช้พลงงานจากการทำงานต่อวัน คือ 500 กิโลแคลอรี โดยแทบไม่มีกิจกรรมระดับปานกลางถึงหนักเลย ถือเป็นอาชีพที่มีกิจกรรมทางกายน้อยกว่าข้อแนะนำ หากจะเพิ่มกิจกรรมทางกายในอาชีพนี้ทำได้ใน 2 ช่วง คือ ระหว่างทำงาน ควรจอดรถหยุดพักทุก 2 ชั่วโมง ลุกขึ้นยืน เดิน เพิ่มการเผาผลาญ และยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ส่วนช่วงเลิกงานควรทำกิจกรรมทางกายเพิ่มเติม คือ ออกกำลังกาย เล่นกีฬา สะสมให้ได้วันละ 30 นาที หากไม่สะดวกอาจใช้การทำความสะอาดรถเป็นตัวช่วย หรือทำงานบ้าน และอาจไปออกกำลังกายตามที่สาธารณะหรือฟิตเนสเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น