xs
xsm
sm
md
lg

ต้องมี 4 อาการนี้ถึงเรียกว่าเป็นโรค “น้ำในหูไม่เท่ากัน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แพทย์หูคอจมูก เผย ต้องมี 4 อาการ ถึงเรียกว่าป่วย “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” ระบุไม่ใช่โรคที่รุนแรงถึงชีวิต สาเหตุการเกิดโรคยังไม่ชัดเจน แต่เกิดจากการพักผ่อนน้อย เครียด ดื่มแอลกอฮอล์

พญ.ภาณินี จารุศรีพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชา โสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โรคน้ำในหูไม่เท่ากันไม่ใช่โรคที่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต เพียงแต่จะกระทบต่อการดำรงชีวิตในขณะที่มีอาการป่วย สำหรับอาการที่บ่งบอกว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน คือ 1. เวียนศีรษะ บ้านหมุน เห็นทุกอย่างเคลื่อนไหว ไม่น้อยกว่า 20 นาที หรือในอาการเป็นหนักต้องมากถึง 12 ชั่วโมง 2. ผลการตรวจการได้ยินของหู พบว่า การได้ยินลดลงในหูข้างใดข้างหนึ่ง ที่มีอาการหรือ 2 ข้างลดลง 3. อาการทางหูเป็นๆ หายๆ รวมถึงมีความรู้สึกมีอะไร ดันๆ ภายในหู รวมการได้ยินเสียงในหูข้างเดียว และ 4. เมื่อตรวจอาการทางร่างกายอื่นไม่พบสาเหตุ

“หากมีอาการครบทั้ง 4 อาการ จึงจะเรียกน้ำในหูไม่เท่ากัน โดยความรุนแรงของโรคนี้ แต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนมีอาการเกิดขึ้น และหายได้ภายใน 1 - 2 ชั่วโมง ก็กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่บางคนก็มีอาการรุนแรง มึน งง เป็นๆ หายๆ เป็นเวลานาน ต้องมีการนอนพัก” พญ.ภาณินี กล่าว

พญ.ภาณินี กล่าวว่า สำหรับสาเหตุของการอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน เกิดจากภาวะความเครียด พักผ่อนน้อย หรือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารเค็มจัด ทั้งนี้ ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการคนมักมีความเข้าใจผิดถึงอาการของโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เข่น เวียนศีรษะก็คิดว่าป่วยบ้านหมุน ทั้งความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ ส่วนการรักษามีหลายแนวทาง คือ ช่วงที่เวียนหัว บ้านหมุน ต้องทำอย่างไรให้ลดอาการ ให้รับประทานยาแก้เวียนศีรษะ ฉีดยาแก้เวียนศีรษะ รวมกับการพักผ่อน ซึ่งแต่ละคนไม่เท่ากัน 2. ทำให้ความถี่ของโรคให้เกิดน้อยที่สุด การรักษาจะเน้นรับประทานยาเป็นหลัก ร่วมกับการขับปัสสาวะ เนื่องจากมีน้ำในหูชั้นในผิดปกติ เพื่อขับน้ำออกไป หรือใช้การผ่าตัดร่วมในรายที่มีอาการรุนแรง
กำลังโหลดความคิดเห็น