“ธนะศักดิ์” เผย นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าพระเมรุมาศ 13 ก.ค. นี้ เตรียมเสนอนายกฯ กราบบังคมทูลฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรกลางเดือนตุลาคม ด้านช่างสิบหมู่แกะสลักลวดลายในราชรถปืนใหญ่ ร้อยละ 80 ขณะที่กรมสรรพาวุธ คัดกำลังพลฉุดชักพระมหาพิชัยราชรถ - ราชรถพระนำ
วันนี้ (6 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงเรียนสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก ได้ดำเนินการฝึกซ้อมกำลังพลฉุดชักราชรถที่เป็นส่วนหนึ่งของริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ริ้วที่ 2 โดยมีการรวมการฝึกของกำลังพลฉุดชัก 2 ส่วนภายหลังจากที่ได้มีการแยกไปทำการฝึกซ้อมทั้งที่โรงเรียนสรรพาวุธ และที่จังหวัดสระบุรี ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยมีการทบทวนและปรับท่าทางพื้นฐานที่ได้ทำการฝึกซ้อมทั้งหมดร่วมกัน พ.ต.สิทธิศักดิ์ ศรีนวลดี สังกัดกองโรงงานซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์สายสรรพาวุธ (กรสย.) ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ (ศซส.) กรมสรรพาวุธทหารบก ในฐานะหัวหน้าครูฝึกกำลังพลฉุดชักราชรถ กล่าวว่า การฝึกซ้อมกำลังพลฉุดชักราชรถครั้งนี้ เป็นการฝึกซ้อมกำลังพลรวมครั้งที่ 2 โดยมียอดกำลังพล จำนวน 331 นาย จากจำนวนทั้งหมด 440 นาย เป็นกำลังพลฉุดชักพระมหาพิชัยราชรถ ตัวจริงและตัวสำรอง กำลังพลฉุดชักราชรถพระนำ ตัวจริงและตัวสำรอง ห้วงเวลาฝึกตั้งแต่ 09.00 - 16.00 น. โดยครูฝึกจะปรับจังหวะและปรับการปฏิบัติของกำลังพลฉุดชักทั้ง 2 พื้นที่ให้เหมือนกัน ก่อนจะเริ่มเข้าสู่การฝึกซ้อมกำลังพลฉุดชักราชรถระยะที่ 2 ในวันที่ 13 ก.ค. โดยใช้พื้นที่ลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช เขตดอนเมือง โดยจะใช้สถานที่นี้ฝึกซ้อมกำลังพลจนถึงเดือนกันยายน 2560 เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความพร้อมเพรียงและสมพระเกียรติ โดยการฝึกซ้อมระยะที่ 2 จะฝึกตามขั้นตอนที่ใช้ในพระราชพิธีและเพิ่มเติมความพร้อมเพรียงของท่าทาง 7 ท่า โดยจำลองเหตุการณ์และใช้เวลาในการฝึกซ้อมใกล้เคียงกับช่วงพระราชพิธีจริง
“ครั้งนี้ การฝึกซ้อมกำลังพลฉุดชักราชรถจะเก็บรายละเอียดพื้นฐานและความถูกต้องท่าต่างๆ ครั้งสุดท้าย ต่อจากนี้จะเตรียมการฝึกระยะต่อไป เน้นความพร้อมเพรียง แก้ไขท่าให้น้อยที่สุด และวันนี้จะมีการคัดแยกกำลังพลเบื้องต้นเพื่อฉุดชักราชรถ ทั้งราชรถพระนำ และ พระมหาพิชัยราชรถ มีความสำคัญเท่าเทียมกัน หลักการคัดจะเรียงตามความสูงและความสง่างาม ซึ่งกำลังพลทุกนายต้องน้อมรับกติกา” พ.ต.สิทธิศักดิ์ กล่าว
วันเดียวกัน ที่สำนักช่างสิบหมู่ จ.นครปฐม เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม และ นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เดินทางตรวจเยี่ยมความคืบหน้างานจิตรกรรมและงานศิลปกรรมประกอบพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเริ่มจากงานจิตกรรมฉากบังเพลิง จิตรกรรมพระที่นั่งทรงธรรม การจัดสร้างราชรถปืนใหญ่ งานประติมากรรม และการจัดสร้างพระโกศจันทน์ พร้อมให้กำลังใจคณะช่างและจิตอาสาผู้ปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด โดย พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า การทำงานดำเนินไปได้ด้วยดี ตามรายละเอียดขั้นตอนที่มากพอสมควร โดยเน้นถึงการรักษาประเพณีแบบโบราณ มีความงดงามและได้มาตรฐาน ซึ่งในส่วนจิตรกรรมฉากบังเพลิง และพระที่นั่งทรงธรรม มีการวาดภาพโครงการพระราชดำริ ไว้ด้วย ซึ่งคณะทำงานทุกคนมีความตั้งใจทำงาน และยิ่งเข้าสู่ช่วงใกล้เวลางานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ก็ยิ่งจะยาก ต้องมีการเก็บรายละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถเป็นพิเศษ ซึ่งในภาพรวมงานทั้งหมดเป็นที่น่าพอใจ โดยคาดว่าจะเสร็จลุล่วงไม่เกินสิ้นเดือนก.ย. นี้ อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันว่า งานการจัดสร้างพระเมรุมาศ และอาคารประกอบรวมถึงงานบูรณะราชรถ และพระยานมาศ ทั้งหมดถือเป็น ผลงานของคนไทยทั้งประเทศที่มีใจร่วมกันทำงานถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ อย่างสมพระเกียรติ แสดงถึงความรัก ความสามัคคี และความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่ไม่มีที่ไหนทำได้อย่างเรา
นางวิจิตร์ ไชยวิชิต หัวหน้ากลุ่มประณีตศิลป์ และนักวิชาการช่างศิลป์เชียวชาญ สำนักช่างสิบหมู่ กล่าวว่า ความคืบหน้าการดำเนินการจัดสร้างราชรถปืนใหญ่ ขณะนี้ได้ดำเนินการแกะสลักลวดลายส่วนประกอบทางศิลปกรรมในราชรถปืนใหญ่แล้วเสร็จร้อยละ 80 โดยใช้ไม้สักที่มีอายุระหว่าง 60 - 100 ปีและมีความหนาเป็นพิเศษ สำหรับลายไทยที่ใช้ประกอบด้วยลายฐานสิงห์ แม่แคร่ชั้นบน แม่แคร่ชั้นล่าง แม่แปรกลวงประดับแม่แคร่ ลายประจำยามประดับส่วนตัวถัง ลายประจำยามประดับซี่ล้อ และได้ทดลองเทียบประกอบฐานสิงห์กับราชรถปืนใหญ่เพื่อตรวจเช็คความถูกต้อง ซึ่งฐานสิงห์แกะสลักเป็นลายบัวปากฐาน ลายแข้งสิงห์ ลายแม่แปรก ซึ่งเป็นรูปหัวและตัวนาค ขณะนี้ เหลือเก็บรายละเอียดบางส่วน
นางวิจิตร์ กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนต่อไปเมื่อเทียบประกอบลวดลายเสร็จเรียบร้อยแล้วจะเริ่มดำเนินการเตรียมพื้นผิว ทาสี ลงรักปิดทอง และประดับกระจกราชรถปืนใหญ่ คาดว่า งานศิลปกรรมประกอบราชรถปืนใหญ่จะแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค. อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงานศิลปกรรมวงล้อทั้ง 4 ล้อ จะต้องถอดส่วนประกอบล้อมาดำเนินงานต่างหาก โดยจะประดับลวดลายล้อเพิ่มเติม นอกจากลายเดิมที่มีอยู่เพื่อความสวยงาม ซึ่งล้อจะปิดทองประดับกระจกทั้งหมด สำหรับสถานที่ทำงานศิลปกรรมราชรถปืนใหญ่จะใช้สถานที่สำนักช่างสิบหมู่ และโรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ได้เดินทางไปเป็นประธานการประชุมกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ ณ โรงละครแห่งชาติ และติดตามความคืบหน้าการจัดสร้างพระเมรุมาศ บริเวณท้องสนามหลวง โดยมี นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร รายงานความคืบหน้า โดย พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่างานก่อสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบทุกอาคาร ภาพรวมคืบหน้าร้อยละ 60 ได้ปริมาณงานมากกว่าแผน ร้อยละ 7 และทำงานได้เร็วกว่าแผน 16 วัน ส่วนพระเมรุมาศภาพรวมคืบหน้าร้อยละ 53 โดยทำการติดตั้งเชิงกลอนบุษบกประธานทั้ง 7 ชั้นเสร็จแล้ว บุษบก ซ่าง และหอเปลื้อง กรุเสาและเพดานแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างขึ้นชั้นเชิงกลอน พระที่นั่งทรงธรรมคืบหน้าร้อยละ 70 มุงหลังคาเสร็จแล้ว งานตกแต่งภายในแล้วเสร็จ สำหรับงานภูมิสถาปัตยกรรมคืบหน้าร้อยละ 12 ส่วนการจัดสร้างถนนเส้นกลางมีความคืบหน้าไปมาก กำหนดเสร็จวันที่ 15 ก.ย. ถนนเส้นนี้มีความสำคัญต้องรับน้ำหนักราชรถราชยานได้ ไม่ทรุดตัว
“ภาพรวมงานจัดสร้างพระเมรุมาศและงานศิลปกรรม ประณีตศิลป์ คาดว่า การดำเนินงานทุกอย่างจะเสร็จกลางเดือนกันยายน 15 วัน ที่ประชุมยังเสนอคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กราบบังคมทูลฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรกลางเดือนตุลาคม และในวันที่ 13 ก.ค. พลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าการจัดสร้างพระเมรุมาศ เวลา 16.30 น. นอกจากนี้ ที่ประชุมจะเสนอให้คณะกรรมการอำนวยการชุดใหญ่พิจารณาถึงความเหมาะสมหากประชาชนและประเทศเพื่อนบ้านจะบริจาคสิ่งของ อาทิไม้ กล้วยไม้ อัญมณี เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีครั้งนี้” พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าว
