กระแส “โชว์” เรือนร่าง กลับมาแรงอีกครั้ง !! เมื่อนักร้องสาวคนหนึ่งถูกสร้างภาพลักษณ์ทางการตลาดไม่ใช่เพียงแค่ขายเสียงเพลง แต่ให้ขายภาพลักษณ์ด้วยการนุ่งสั้นรัดรูปแบบตั้งใจโชว์เรือนร่าง และสร้างจุดขายท่าเต้นที่จงใจส่อไปทางล่อแหลมเกินเหตุ
และยิ่งแรงขึ้นไปอีก! เมื่อนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงด้วยท่าทีตำหนิว่าไม่เหมาะสม โดยมีเป้าหมายเพื่อปรามเรื่องการแต่งกายและท่าทางของนักร้องสาวคนดังกล่าว
แต่ผลที่ได้..คนที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว กลับมีวิธีคิดไปอีกทางว่า “ช่วยกระตุ้นเรตติ้ง”
กรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรก แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีมาแล้วหลายคนที่เริ่มจากโชว์ผ่านโลกออนไลน์ จนสามารถสร้างชื่อขึ้นมาจากความใจถึงที่จะ “โชว์”
เรื่องค่านิยมของสาวๆ ประเภท “โชว์แล้วเป็นข่าว” “โชว์แล้วเด่น” “โชว์แล้วดัง” “โชว์แล้วแจ้งเกิด” กลายเป็นสิ่งยั่วยุที่ช่วยโหมกระหน่ำให้เด็กสาวรุ่นใหม่เดินตามอย่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก
เราปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้เกิดค่านิยมเยี่ยงนี้ เพราะเด็กสาวเหล่านั้นเชื่อว่า ยิ่งโชว์ยิ่งมีโอกาสดัง
พลันนึกถึงนักวิชาการคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังด้วยความหงุดหงิดและไม่พอใจจากการที่ต้องไปร่วมพิจารณางานสื่อประเภทเพลงและมิวสิควิดีโอว่าจะผ่านการพิจารณาเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนหรือไม่
นักวิชาการท่านนั้นมีความเห็นว่ามีบางเพลงไม่เหมาะสม เพราะมีภาพวับๆ แวมๆ ประเภทล่อแหลมทั้งเนื้อหาและท่าทางที่ส่อไปทางสองแง่สองง่าม ที่สำคัญไม่เป็นผลดีต่อเด็กและเยาวชนเลย แต่มีข้อโต้แย้งกับกรรมการด้วยกัน จนสุดท้ายนักวิชาการท่านนั้นก็เลยขอถอนตัวจากการพิจารณาครั้งนั้น
แต่เชื่อเถอะค่ะ ต่อให้การพิจารณาไม่ผ่าน สุดท้ายมันก็จะต้องถูกเผยแพร่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งผ่านสื่อออนไลน์อยู่ดี เพราะยุคของโลกดิจิทัล ยากที่จะต้านทานช่องทางที่มีอยู่มากมายไปได้
เราต้องยอมรับว่าสื่อมีอิทธิพลอย่างมาก แต่ถ้าเมื่อเราเจอะเจอประเด็นนี้แล้วยกให้เป็นความผิดของสื่อฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เพราะมีเหตุผลมากมายที่หล่อหลอมและสร้างเสริมให้เด็กสาวจำนวนมากเติบโตขึ้นไปด้วยอาการน่าเป็นห่วง
อะไรที่ทำให้เด็กสาวจำนวนไม่น้อยกล้าเดินมาถึงจุดนี้ และพร้อมที่จะ “ใจถึง” ยอมเปิดเนื้อหนังมังสา และ “โชว์” เพราะเชื่อว่าดัง และเมื่อดัง สิ่งที่ตามมาก็คือรายได้ !!
พ่อแม่ผู้ปกครองปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ไปไม่ได้เลย
ประเด็นแรก เลี้ยงดูลูกอย่างไร
การเลี้ยงดูของพ่อแม่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เรื่องการมีหรือไม่มีเวลาให้ลูกเท่านั้น เพราะพ่อแม่บางคนมีเวลากับลูก แต่ไม่มีคุณภาพก็มากมาย ประเด็นสำคัญคือความรู้ ความเข้าใจพัฒนาการตามวัยของเด็กด้วย รวมไปถึงการรู้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องสร้างภูมิต้านทานที่ดีให้กับลูกด้วย
ประเด็นที่สอง ทำให้ลูกแก่แดดเกินวัยหรือไม่
ต้องยอมรับว่ามีพ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่สร้างค่านิยมผิดๆ ให้ลูกตั้งแต่เล็ก ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะการแต่งตัวให้ลูกสาวแก่แดดเกินวัย หรือให้ใส่เสื้อผ้าแนวนุ่งน้อยห่มน้อย เพราะเห็นว่าลูกยังเด็ก ใส่แล้วน่ารักดี ยิ่งถ้ามีพุงหน่อยๆ ก็จะเปิดพุง โดยหารู้ไม่ว่าพฤติกรรมการแต่งตัวที่เด็กใส่นั้นได้กลายเป็นความเคยชิน และไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเกลียด ก็ใส่มาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ ผู้ใหญ่ก็ชื่นชมไม่ใช่เหรอว่าน่ารัก สวยจัง และเมื่อหนูเข้าสู่วัยรุ่น ทำไมหนูจะใส่ไม่ได้ล่ะ
ประเด็นที่สาม กระแสแฟชั่นตามเพื่อน
การแต่งตัวตามแฟชั่นตามเพื่อน ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมากในกลุ่มวัยรุ่น ฉะนั้น พ่อแม่ต้องหมั่นสังเกตด้วยว่าลูกคบเพื่อนแบบไหน อิทธิพลของเพื่อนจะสูงมากในช่วงวัยรุ่น ถ้าพ่อแม่สร้างภูมิต้านทานในช่วงวัยเด็กมาดี ในช่วงวัยนี้ก็ไม่หนักใจเท่าไรนัก แต่ถ้าพ่อแม่ปล่อยปละละเลยมาตั้งแต่วัยเด็ก แล้วจะมาแก้ปัญหาหรือไม่พอใจลูกวัยนี้แล้วล่ะก็ จะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้นไปอีก
ประเด็นที่สี่ รู้ไม่เท่าทันสื่อ
เรื่องสื่อเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องพูดคุยกับลูกให้มาก อย่าปล่อยให้ลูกเสพสื่อชนิดที่ไม่ได้กลั่นกรองเลย พ่อแม่จำเป็นต้องพูดคุยและหยิบยกเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมาพูดคุยกับลูกด้วย เช่น กรณีของเด็กสาวที่โชว์ดังที่เป็นข่าว ก็หยิบมาเป็นประเด็นในการพูดคุยกับลูกด้วยก็ได้ ว่าลูกคิดเห็นอย่างไร จะทำให้เรารู้ความคิดของลูกด้วย
ประเด็นที่ห้า อย่าคิดแต่เรื่องเงิน
เด็กจำนวนไม่น้อยที่เติบโตขึ้นไปแบบอยากมี อยากได้ อยากเป็น และถูกฝึกว่าทำอะไรก็ต้องแลกด้วยเงิน หรือทำเพื่อเงิน และเมื่อมีเงินก็จะนำไปซื้อสิ่งของที่ต้องการได้ ถ้าเป็นแบบนี้เมื่อโตขึ้นไป เขาก็อยากจะทำสิ่งต่างๆ เพื่อเงิน โดยอาจไม่นึกถึงวิธีการ หรือผลลัพธ์ที่ได้มา
ประเด็นที่หก พ่อแม่เป็นแบบอย่าง
พ่อแม่ ผู้ใหญ่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกด้วย รูปแบบการใช้ชีวิต การแต่งตัว ทัศนคติต่อเรื่องราวต่างๆ มีความคิดเห็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ลูกซึมซับทางตรงได้มากที่สุด และความจริงเขาก็ซึมซับมาตั้งแต่เล็กแล้ว ถ้าพ่อแม่เองก็แต่งตัวล่อแหลมเป็นแบบอย่างอยู่แล้ว ก็รับประกันการเลียนแบบได้เลยค่ะ
จริงๆ ไม่ได้มีเพียงประเด็นเหล่านี้เท่านั้น ยังมีอีกมากมาย เพียงแต่คนเป็นพ่อแม่ต้องตระหนักและให้ความสำคัญอย่างจริงจัง เพราะการแต่งตัวที่เหมาะสมถูกกาลเทศะ และงดงามตามวัยก็สามารถสวยได้
สิ่งสำคัญที่สุดต้องสอนให้ลูกเข้าใจและเข้าถึงเรื่องความสวยงามจากด้านในของจิตใจ
เราอาจเปลี่ยนค่านิยมเรื่องชอบ “โชว์” เรือนร่างของเด็กสาวคนอื่นไม่ได้ แต่เราสามารถสร้างค่านิยมให้ลูก “โชว์” คุณค่าและความภาคภูมิใจจากด้านในของตัวเองได้ค่ะ