ผู้บริโภคหนุน สคบ. คุมค่า “น้ำ - ไฟ” หอพักแพงเกินจริง เสนอออกประกาศควบคุมสัญญาธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย เป็น “สัญญามาตรฐาน” 3 เรื่อง ค่าดูแลรักษาหอพัก ค่าปรับที่กำหนดเป็นเกณฑ์ และค่าสาธารณูปโภคตามอัตรารัฐจัดเก็บ
นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เตรียมออกประกาศควบคุมธุรกิจให้เช่าหอพักเป็นธุรกิจควบคุมสัญญาเพิ่มเติม เพื่อควบคุมการเก็บค่าน้ำค่าไฟหอพักที่สูงเกินจริง ว่า เรื่องการให้เช่าที่พักอาศัยนั้น สคบ. ควบคุมเฉพาะเรื่องใบเสร็จ แต่ไม่มีการควบคุมสัญญาการให้เช่า หรือมีสัญญาที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งในสัญญาของผู้ประกอบการหลายรายมีการเอาเปรียบผู้บริโภคหลายประเด็น เช่น คิดค่าที่จอดรถทั้งที่ไม่มีรถจอดจริง หรือค่าทาสีห้อง ที่ผู้ให้เช่าห้องมักเรียกเก็บกับผู้เช่าเวลาย้ายออก
“ตอนนี้สัญญาเป็นแบบใครอยากออกก็ออกไป โดยใช้ทำเลทางธุรกิจเอาเปรียบผู้บริโภค เช่น ใกล้ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย หรือรถไฟฟ้า แล้วเรียกเก็บค่าเช่าที่สูง หรือมีการเรียกเก็บค่าขอเปลี่ยนห้องจากห้องเดิมเป็นห้องใหม่ โดยเสียค่าปรับเปลี่ยนห้องเช่า 1,000 บาท และจากการตรวจสอบหลายครั้ง ห้องที่เข้าไปอยู่ก็ไม่มีการปรับปรุง หรือทาสีใหม่แต่อย่างใด แต่เรียกเก็บค่าทาสีจากผู้เช่า ซึ่งนี่เรียกว่าสัญญาไม่เป็นธรรม” นางนฤมล กล่าว
นางนฤมล กล่าวว่า ควรจะต้องมีการทำสัญญามาตรฐานในเรื่องการเช่าที่พักอาศัย เช่น ห้ามหักเงินประกันเมื่อย้ายออก ยกเว้นกรณีเกิดความเสียหาย ซึ่งสัญญามาตรฐานควรมี 1. รายการที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บได้ เช่น การดูแลรักษาห้องพัก เป็นต้น 2. อัตราค่าปรับที่กำหนดเป็นเกณฑ์ และ 3. มาตรฐานการเก็บค่าสาธารณูปโภคตามอัตราที่รัฐจัดเก็บ จึงขอให้ สคบ. ออกประกาศควบคุมสัญญาธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัยเป็นสัญญามาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หากผู้บริโภครู้สึกว่าสัญญาการเช่าที่พักอาศัยของตัวเองไม่เป็นธรรมจะต้องใช้วิธีการฟ้องร้องต่อศาลเท่านั้น เพื่อให้พิจารณาว่าข้อสัญญาดังกล่าวเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งหากผู้ใดคิดว่าสัญญาเช่าของตัวเองไม่เป็นธรรม สามารถส่งเอกสารสำเนาคู่สัญญาดังกล่าว เช่น การเช่าอพาร์ตเมนต์ หอพัก บ้าน โดยแจ้งชื่อ ที่อยู่ข้อมูลของผู้ร้องมาที่อีเมล complaint@consumerthai.org โดยทางมูลนิธิจะรวบรวมข้อมูลนำเสนอต่อ สคบ.ให้แก้ไข และออกประกาศเรื่องสัญญามาตรฐานต่อไป
