คปค. เตรียมทำข้อสรุปเสนอ “ประกันสังคม” ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน ใช้สิทธิรักษาต่อหลังเกษียณ ไม่ต้องย้ายไปอยู่บัตรทอง ผู้ประกันตนมาตรา 39 ได้บำนาญชราภาพ ด้าน สปส. เตรียมคืนสิทธิผู้ประกันตน ม.39 หลังพบปัญหาสิ้นสภาพจากการขาดส่งเงินสมทบ
วันนี้ (15 พ.ย.) นายมนัส โกศล ประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีการพูดคุยกับเครือข่ายผู้ประกันตน และจะทำข้อเสนอสรุปเพื่อขอเข้าพบกับ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน อาทิ กรณีผู้ประกันตนมาตรา 33 ซึ่งจ่ายเงินสมทบตามปกติจนกระทั่งครบอายุ 55 ปี เข้าสู่กรณีรับเงินบำนาญชราภาพนั้น โดยปกติจะถูกโอนสิทธิรักษาพยาบาลเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) แต่จากการหารือผู้ประกันตนหลายคน ต้องการรับสิทธิรักษาพยาบาลของกองทุนประกันสังคมตามเดิม จึงอยากเรียกร้องให้ สปส. ให้สิทธิรักษาพยาบาลกับผู้ประกันตนที่รับเงินบำนาญชราภาพด้วย
“นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ประกันตนมาตรา 39 มีความต้องการได้รับสิทธิเหมือนผู้ประกันตนมาตรา 33 อย่างกรณีบำนาญชราภาพ เป็นไปได้หรือไม่ที่การจ่ายเงินบำนาญชราภาพ จะคำนวณฐานจากเงินเดือนเดิม เพื่อนำมาคำนวณเป็นเงินบำนาญชราภาพได้หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ก็จะขอหารือร่วมกับเลขาธิการ สปส.ต่อไป” นายมนัส กล่าว
ด้าน นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการ สปส. กล่าวว่า จากการประชุมกระทรวงแรงงานเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้พิจารณาปัญหาการสิ้นสภาพความเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ซึ่งขณะนี้มีอยู่จำนวนประมาณ 930,000 คน และมีมติให้ สปส. แก้ไขปัญหาเร่งด่วนในระยะสั้น โดยดำเนินการคืนความเป็นผู้ประกันตนให้กับผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่สิ้นสภาพด้วยความละเอียดรอบคอบ และต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน สำนักงานฯ จะแก้ไขปัญหาการขาดส่งเงินสมทบ โดยเพิ่มช่องทางการเตือนผ่านระบบข้อความทางโทรศัพท์ (SMS) ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาวจะได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงเงื่อนไข หลักเกณฑ์การจัดเก็บเงินสมทบและการจ่ายประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตนมาตรา 39 อย่างยั่งยืนต่อไป
นพ.สุรเดช กล่าวว่า เพื่อความสะดวกในการจ่ายเงินสมทบนั้น ผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถชำระเงินสมทบผ่านทางเคาน์เตอร์ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือชำระเงินโดยวิธีหักบัญชีเงินฝากธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะหักเงินในบัญชีทุกวันที่ 15 ของเดือน หรือชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส/เคาน์เตอร์ที่ทำการไปรษณีย์ ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกันตนตรวจสอบใบเสร็จและเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานด้วย และผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถตรวจสอบเงินสมทบได้ทางแอปพลิเคชัน My SSO