xs
xsm
sm
md
lg

5.8 ล้านคน เลิกเหล้าครบพรรษา 11% ตั้งใจเลิกตลอดชีวิต สสส.ชวนเลิกเหล้าต่อเนื่องทำดีถวายพ่อหลวง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สสส. นำอดีตนักดื่ม 70 ชีวิต ปฏิญาณตนเลิกเหล้า มุ่งทำความดีถวายพ่อหลวง เผย 5.8 ล้านคน เลิกดื่มได้ครบพรรษา ช่วยประหยัดเงินกว่า 13,459 ล้านบาท ด้านอดีตข้าราชการวัยเกษียณ เปิดใจเหมือนได้ชุบชีวิตใหม่ จากเด็ก ป.4 บากบั่นจนจบปริญญาตามคำพ่อสอน หันหลังให้อบายมุข เปลี่ยนชีวิตตามแนวพอเพียง

วันนี้ (10 พ.ย.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) จัดกิจกรรม “เลิกเหล้าตลอดชีวิต...ทำความดีถวายพ่อของแผ่นดิน” โดยมี นายศรีวิชัย ทรงสุวรรณ อดีตข้าราชการวัยเกษียณ และอดีตนักดื่ม 70 คน ร่วมกล่าวปฏิญาณตนเลิกเหล้าตลอดชีวิต มุ่งมั่นทำความดีถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า ผลสรุปการประเมินโครงการ “งดเหล้าครบพรรษาปี 2559” โดยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ในกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไป ใน 12 จังหวัด รวม 4,296 ตัวอย่าง พบว่า 3 ใน 4 หรือ 74.2% เคยพบเห็น/รับรู้ถึงการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาในปี 2559 และจำนวนนี้กว่า 82.7% ยังช่วยบอกต่อหรือแชร์ข้อความบนโลกออนไลน์ เพื่อชักชวนคนรอบข้างให้งดเหล้าเข้าพรรษา สำหรับคนที่เข้าร่วมโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาปี 2559 มีถึง 12 ล้านคน โดย 5.8 ล้านคน หรือ 32.2% งดตลอด 3 เดือน ได้สำเร็จ อีก 2.9 ล้านคน หรือ 16.3% งดเป็นบางช่วง และ 3.3 ล้านคน หรือ 18.6% ไม่งด แต่ลดการดื่มลง ทั้งนี้ ในกลุ่มที่งดเหล้าได้ครบทั้งพรรษา 72% ตั้งใจจะงดต่อไปอีก และมี 11% ที่ตั้งใจจะเลิกตลอดชีวิต สำหรับผลจากการงดดื่มประมาณการว่าทั่วประเทศ ประหยัดเงินได้ทั้งสิ้น 13,459 ล้านบาท

“สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการนำตัวแทนอดีตนักดื่ม 70 คน จากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ตัดสินใจเลิกเหล้าตลอดชีวิต ซึ่งถือเป็นคนหัวใจเพชร ตั้งใจทำความดี น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทุกคนต่างพร้อมใจกันปรับเปลี่ยนตัวเองและถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดี โดยส่วนหนึ่งในวันนี้เป็นผู้ที่เข้าร่วมงดเหล้าครบพรรษาในปีนี้ด้วย” นพ.บัณฑิต กล่าว

ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการ สคล. กล่าวว่า น้ำเมาเป็นอบายมุขที่ทำลายสุขภาพ ทำลายคุณภาพชีวิต เป็นต้นเหตุสำคัญของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2557 พบว่า คนไทยอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป มีจำนวน 54.8 ล้านคน ดื่มเหล้า 17.7 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 4 เท่า และเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน ช่วงเวลานี้ต้องถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่คนไทยทุกคนต้องการทำความดีตามที่พระเจ้าอยู่หัวทรงสอนไว้ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสอดคล้องกับการลดละเลิกเหล้า จะเกิดผลดีทั้งกับตนเอง ครอบครัว และสังคม และครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่จะร่วมกันทำสิ่งดีๆ ด้วยการงดเหล้าตลอดชีวิต ซึ่งเป็นการปฏิบัติบูชาที่พระพุทธองค์ทรงยกย่องว่าเป็นบุญกุศลอย่างสูง และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวงของเรา สำหรับผู้ที่ตั้งใจจะงดเหล้าตลอดชีวิตสามารถไปลงชื่อได้ที่เฟซบุ๊ก “เลิกเหล้าตลอดชีวิต ทำความดีถวายพ่อของแผ่นดิน”

“อยากขอร้องให้ตำรวจและศาลเอาจริงกับผู้ที่กระทำความผิดเมาแล้วขับมากขึ้น เพราะปัจจุบันคดีเมาแล้วขับส่วนใหญ่จะอยู่ที่แค่รอลงอาญา ไม่มีลงโทษมากไปกว่านี้ จึงอยากให้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังมากขึ้นกว่านี้เหมือนประเทศญี่ปุ่นที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด มีโทษจำคุก ส่งผลให้สถิติอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 10 ปีของญี่ปุ่นน้อยกว่าสถิติอัตราการเสียชีวิตช่วง 7 วันอันตรายของไทยใน 1 ปีเสียอีก” ภก.สงกรานต์ กล่าว

ด้าน นายศรีวิชัย ทรงสุวรรณ อายุ 72 ปี ชาวจังหวัดราชบุรี ข้าราชการบำนาญ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเลิกเหล้าเลิกอบายมุขเดินตามคำสอนพ่อของแผ่นดิน กล่าวว่า ตนเริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่เด็ก เพราะครอบครัวดื่มหมด และฝึกให้ตนดื่มเพื่อให้หัวแข็ง คอแข็ง ครั้นเมื่อคุณพ่อประสบปัญหาที่ทำงานและลาออก ทำให้ตนไม่ได้เรียนต่อ จึงออกมาหางานทำตั้งแต่ 10 ขวบ มีอาชีพรับจ้างแบกหามทั่วไป พ่อก็ให้ดื่มเหล้าด้วยเพื่อให้กลางคืนหลับสบาย จนเมื่อทำต่อไม่ไหวเพราะไม่ดีต่อสุขภาพ ก็หันไปทำงานอื่นที่โรงหนังก็ยังคงดื่มเหล้าและมีเหตุทะเลาะวิวาท จนกระทั่งบวชแล้วย้ายมาทำงานเป็นพนักงานขับรถยนต์ที่ศูนย์อนามัยแม่และเด็ก เขต 7 ราชบุรี ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่เสด็จพระราชดำเนินมาถวายผ้าพระกฐินที่วัดเขาวัง อ.เมืองราชบุรี

“วันนั้นผมมีโอกาสเข้าเฝ้าฯพร้อมกับถวายพวงมาลัย พระองค์รับสั่งขอบใจ และรับสั่งไม่ให้ใช้คำราชาศัพท์ ซึ่งพระองค์ตรัสถามถึงงานที่ทำ อายุ การศึกษา ตนจึงกราบบังคมทูลว่า “ผมอายุ 27 ปี ทำหน้าที่พนักงานขับรถ เรียนจบชั้น ป.4” พระองค์รับสั่งว่า “จงหาทางศึกษาต่อเพื่อจะได้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน” ตนจึงน้อมรับสั่งพร้อมก้มกราบที่พระบาท ขณะเดียวกัน สมเด็จพระนางฯ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งว่า “รับสั่งพระองค์ท่านไปแล้ว ต้องนำไปปฏิบัตินะ” และต่อมาปี 2515 ได้เข้าเฝ้ารับเสด็จฯพระองค์ที่วัดดอยตูม ทรงตรัสถามอีกว่า “ไปเรียนแล้วหรือยัง ขอให้มีความพยายาม มันจะมีอุปสรรคเพราะเราอายุเยอะแล้ว แต่ถ้าพยายามเราจะผ่านไปได้ มีอุปสรรคอะไรให้บอก” จังหวะนั้นตนน้ำตาไหลด้วยความปลื้มปีติ” นายศรีวิชัย กล่าว

นายศรีวิชัย กล่าวว่า จากแต่ก่อนเป็นคนไม่เอาไหน ดื่มเหล้าสูบบุหรี่เล่นการพนัน พระองค์เหมือนมาชุบชีวิตใหม่ให้ ตนจึงเลิกอบายมุขทุกอย่างหันมามุ่งมั่นด้านการศึกษา และน้อมนำพระราชดำรัสมาใช้ในการดำรงชีวิตอย่างจริงจัง โดยเริ่มเรียนโรงเรียนผู้ใหญ่ (กศน.) และเรียนต่อจนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากนั้นไปสอบชิงทุน จนกระทั่งศึกษาจบระดับปริญญาตรีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ใช้เวลาด้านการศึกษากว่า 25 ปีเต็ม และได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระองค์ด้วย และได้เป็นข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข ประจำจังหวัดราชบุรี ในที่สุด” นายศรีวิชัย กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น