ที่ปรึกษา คกก. มาตรฐานการช่วยชีวิต เผยตับแตกจากการปั๊มหัวใจพบน้อยกว่าร้อยละ 0.1 ชี้ หากตับแตกต้องซี่โครงหักร่วมด้วย แนะรอผลชันสูตรนิติเวช ดูกลีบของเนื้อตับเกี่ยวข้องการปั๊มหัวใจหรือไม่
พ.ต.อ.นพ.โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การช่วยเหลือให้ฟื้นคืนชีวิต หรือการทำซีพีอาร์ ตามปกติไม่ค่อยพบการเสียชีวิต ส่วนการปั๊มหัวใจแล้วทำให้ตับแตกนั้น หากพบก็น้อยกว่าร้อยละ 0.1 ทั้งนี้ การปั้มหัวใจ ด้วยการกดกลางหน้าอก เริ่มมีในปี 2502 ที่จอห์นออฟกินส์ สหรัฐอเมริกา การปั๊มหัวใจกู้ชีพ ต้องมีทักษะที่แตกต่าง ซึ่งปัจจุบันมีการอบรมในหน่วยกู้ชีพกู้ภัยครบทั้งหมดแล้ว โดยทักษะที่จะถูกสอน ผู้ใหญ่จะใช้สองมือปั๊มหัวใจกลางอก เด็ก 12 ปี ใช้มือเดียวในการปั้มหัวใจ เด็กเล็กใช้ 2 นิ้วในการปั๊มหัวใจกลางอก ใช้น้ำหนักในตัวกด ไม่ผ่อนแรงน้ำหนักของผู้ที่จะกู้ชีพ ทำ 30 ครั้ง ติดต่อกัน 18 วินาที
พ.ต.อ.นพ.โสภณ กล่าวว่า การพบอาการตับแตกต้องสอดคล้องกับซี่โครงหักด้วย จะมาซี่โครงหักอย่างเดียวไม่ได้ และหากมีโรคประจำตัว ทั้งตับโต ไขมันพอกตับก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการกู้ชีพ และในกรณีที่ผู้ต้องการความช่วยเหลือด้วยการกู้ชีพ จากการผูกคอตายนั้น ต้องช่วยเหลือภายใน 4 นาที เพราะมิเช่นนั้นสมองจะตาย อย่างไรก็ตาม การช่วยชีวิต ต้องเข้าใจว่า ทำด้วยความหวังดี มีเจตนาในการช่วยเหลือผู้อื่น และแม้ไม่ช่วยผู้ที่ประสบเหตุก็มีโอกาสเสียชีวิต การช่วยเหลือส่วนใหญ่จะทำกันอย่างเต็มที่ และจะพยายามมากที่สุด โดยจะทำกันเป็นทีม
“สำหรับการจะทราบว่าตับแตกจากการกู้ชีพหรือไม่ ต้องรอให้แพทย์นิติเวช เป็นผู้ชันสูตร โดยสามารถดูได้ จากรอยแตกหรือกลีบของตับ ว่า เฉียงไปในทิศทางใด เพราะการปั๊มหัวใจ ไม่มีทางที่ซี่โครงจะไปกระแทกตับอย่างแน่นอน” พ.ต.อ.นพ.โสภณ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่