คนเป็นพ่อแม่ที่ลูกเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นคงต้องเจอปัญหาเรื่องลูกขอดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันบ้างล่ะ
ไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วย !
พ่อแม่บางกลุ่มมองว่าเป็นเรื่องปกติ คิดไว้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งลูกก็ต้องดื่มอยู่ดี ในขณะที่พ่อแม่อีกบางกลุ่มก็อาจยอมรับไม่ได้ เพราะยังอยู่ในวัยเรียน ไม่ควรดื่มเด็ดขาด
การที่พ่อแม่จะมองว่าการดื่มแอลกอฮอล์ของลูกเป็นเรื่องที่ยอมรับได้หรือไม่ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติและภูมิหลังของพ่อแม่ด้วยว่าเป็นแบบไหน และมองเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์อย่างไร
แอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่ไม่ดี มีโทษภัยมากมาย เป็นเรื่องที่ผู้คนทั่วไปรับรู้กันอยู่แล้ว แต่เราก็พบเห็นคนดื่มแอลกอฮอล์กันมากมายมิใช่หรือ ถึงขนาดคนไทยติดอันดับดื่มมากติดอันดับโลกด้วยเลขตัวเดียวเสียด้วย และการดื่มก็นำไปสู่อุบัติเหตุและภัยร้ายอื่น ๆ อีกมากมาย
คำถามคือแล้วทำไมวัยรุ่นถึงดื่ม ?
หนึ่ง - ดื่มฉลองทุกเทศกาล
เรียกว่าไม่ว่าจะเทศกาลไหน ๆ พวกเขาก็พบเห็นมาโดยตลอดว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสัญลักษณ์ในการฉลอง หรือการดื่มแอลกอฮอล์ในบ้านเราแทบทุกโอกาส ทุกเทศกาล หรือแม้แต่ทุกวันสุดสัปดาห์ จนกระทั่งทุกวัน เราจะพบเห็นการดื่มของผู้คนในทุกระดับ ทุกเพศ ทุกวัย ถ้าจะบอกว่าพวกเขาเห็นภาพเหล่านี้ตั้งแต่เล็กก็คงไม่ผิด
สอง - ทัศนคติการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเจ๋ง
เป็นค่านิยมของเด็กวัยรุ่น ที่มักนำไปเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรม เช่น รับน้อง หรือต้อนรับน้องใหม่ หรือเพื่อแสดงสัญลักษณ์ให้ดื่มเพื่อแสดงความเป็นพี่น้อง เด็กจำนวนมากดื่มเหล้าครั้งแรกก็จากการถูกบังคับให้ดื่ม จนถึงกับอ้วกแตกก็มีมากมาย แทบไม่มีเด็กคนไหนกล้าปฏิเสธรุ่นพี่ เพราะกลัวจะเกิดปัญหาในภายหลัง และถ้าใครไม่ดื่มก็จัดอยู่ในกลุ่มไม่เข้าพวกไปซะอีก
สาม - ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีอยู่ล้อมรอบสถานศึกษา
แม้จะมีความพยายามในการออกกฎหมายแก้ไขกฎหมายเพื่อกำหนดระยะห่างของร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับสถานศึกษา หรือกำหนดระยะเวลาการขายในร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้ซื้อกันยากขึ้น แต่ก็ไม่ช่วยอยู่ดี เพราะเด็กและเยาวชนเหล่านั้นก็รู้อยู่ดีว่าถ้าจะซื้อเครื่องดื่มประเภทนี้เมื่อไหร่ เขาจะซื้อได้ที่ไหน
สี่ - แบบอย่างของพ่อแม่
กรณีที่พ่อแม่ดื่มก็ทำใจได้เลยว่าอย่างไรลูกก็คงต้องดื่ม เพราะมีตัวอย่างเห็นอยู่ตำตา หรือแม้ไม่ใช่พ่อแม่แต่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านก็ตาม และต่อให้ไม่ได้ดื่มเป็นประจำ จะดื่มก็ต่อเมื่อมีงานสังสรรค์เท่านั้น แต่ลูกเราก็รับรู้และซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้นไปแล้ว
ห้า - ใคร ๆ ก็ดื่มกัน
ประโยคนี้สักวันหนึ่งคนเป็นพ่อแม่ที่ลูกเข้าสู่วัยรุ่นก็อาจจะได้ยิน เพราะสภาพแวดล้อมในสังคม รวมไปถึงสื่อรอบตัวก็มีตัวอย่างมากมาย นี่ยังไม่นับรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เขาคิดค้นผลิตขึ้นมาเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นวัยอยากลองอีกต่างหาก ผู้ผลิตเหล่านี้จะมีแผนการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มนี้โดยเฉพาะทีเดียวเชียว
แล้วพ่อแม่ควรทำอย่างไร ?
หนึ่ง - ทำใจ
ข้อนี้อาจจะยากสุด แต่ถ้าไม่ผ่านข้อนี้ก็ดูเหมือนจะต้องทะเลาะกับลูก และสุดท้ายลูกก็อาจจะโกหกคุณอยู่ดีว่าเขานัดเพื่อนไปดื่มกัน
สอง - คุยตรง ๆ
ข้อนี้ต่อเนื่องจากการทำใจ แล้วคุยกับลูกตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาวก็ตาม บอกเขาว่าพ่อแม่เข้าใจว่าลูกอาจต้องไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ขอให้บอกกันตรง ๆ จะไปที่ไหนกับใคร บอกให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่เป็นห่วง ถ้าจะให้ดีพ่อแม่ถือโอกาสไปส่งก็ได้ อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่าลูกไปกับใคร สถานที่ที่ลูกไปเป็นที่ไหน มีความปลอดภัยหรือไม่
สาม - กำหนดเวลาร่วมกัน
ข้อนี้ก็ต่อเนื่องมาจากการคุยกันตรง ๆ ก็คือ กำหนดเวลาว่าจะดื่มถึงกี่โมง พ่อแม่อนุญาตให้ถึงเวลาเท่านี้ และขอให้รักษาเวลา หรือจะกำหนดเวลาในการไปรับก็ได้ ข้อนี้จะช่วยกำกับไม่ให้เขาดื่มมากได้ด้วย เพราะรู้ว่าเดี๋ยวพ่อแม่ต้องมารับ และที่สำคัญต้องกำหนดกติการ่วมกันด้วยว่าหนึ่งปีได้กี่ครั้ง ถ้ายังอยู่ในวัยเรียนต้องมีข้อแม้ว่าไปได้หรือไม่ได้ในช่วงไหน รวมไปถึงต้องไม่กระทบการเรียนอย่างไร
สี่ - ถือโอกาสสอนให้รู้จักภัยสังคม
การดื่มให้ปลอดภัย ดื่มประมาณไหนให้พอเหมาะ และภัยร้ายอะไรบ้างที่อาจเกิดขึ้นได้ อาจยกตัวอย่างข่าวที่เกิดขึ้นรายวันก็ได้ เช่น เมื่อดื่มแอลกอฮอล์แล้ว เรื่องเล็ก ๆ บางเรื่องก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที หรือเกิดเหตุทะเลาะวิวาท หรืออุบัติเหตุ ซึ่งเป็นภัยสังคมรายวัน ลำพังไม่ได้ดื่มก็มีมากมาย ยิ่งดื่มยิ่งต้องระมัดระวังตัวเองอย่างไร
ห้า - ควรมีเพื่อนที่ไว้ใจไปด้วยทุกครั้ง
เป็นการปลูกฝังให้ลูกระมัดระวังตัว มีเพื่อนที่ไว้ใจไปด้วย หรือถ้ามีพี่น้อง ก็ให้เขาไปด้วยกัน โดยให้ดูแลซึ่งกันและกัน
ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากให้ลูกดื่มเหล้า แม้พ่อแม่อาจจะดื่มก็ตาม แต่ด้วยสภาพสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็จำเป็นที่คนเป็นพ่อแม่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกด้วย ถ้าลูกไม่ดื่มก็นับเป็นโชคดี แต่พ่อแม่ก็ต้องสอนให้ลูกรู้จักการป้องกันตนเองด้วยถ้าเขาต้องอยู่ในท่ามกลางสถานการณ์คนอื่นดื่ม ต้องระมัดระวังตัวเองอย่างไร
เพราะสภาพสังคมปัจจุบันใช้วิธีห้ามอย่างเดียวคงไม่ได้ หรืออาจได้ผลตรงข้ามอีกต่างหาก ลองปรับเปลี่ยนวิธีให้เขารู้จักตัวเองว่าควรดื่มหรือไม่ควรดื่มเมื่อไหร่ แค่ไหน และโทษภัยของมันจะมาเยือนอย่างไร
ทั้ง 5 ข้อเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากจนเกินไป ดิฉันเองมีลูกชาย 2 คนในช่วงวัยรุ่น อยู่โรงเรียนชายล้วน เรื่องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทบเป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งเติบโตขึ้นมาในสังคมไทยแบบที่เป็นอยู่ ก็ทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าลูกชายทั้งสองก็คงต้องดื่ม ซึ่งโดยส่วนตัวดิฉันก็ปฏิบัติทั้ง 5 ข้อนั่นแหละ
เรื่องการดื่มการฉลองในบ้านเรามันฝังรากอยู่ในสังคมไทยไปซะแล้ว ในเมื่อเราห้ามไม่ได้ ก็ขอให้ใช้วิกฤตเป็นโอกาสในการสอนให้ลูกดื่มให้ “เป็น” ซะเลย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วย !
พ่อแม่บางกลุ่มมองว่าเป็นเรื่องปกติ คิดไว้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งลูกก็ต้องดื่มอยู่ดี ในขณะที่พ่อแม่อีกบางกลุ่มก็อาจยอมรับไม่ได้ เพราะยังอยู่ในวัยเรียน ไม่ควรดื่มเด็ดขาด
การที่พ่อแม่จะมองว่าการดื่มแอลกอฮอล์ของลูกเป็นเรื่องที่ยอมรับได้หรือไม่ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติและภูมิหลังของพ่อแม่ด้วยว่าเป็นแบบไหน และมองเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์อย่างไร
แอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่ไม่ดี มีโทษภัยมากมาย เป็นเรื่องที่ผู้คนทั่วไปรับรู้กันอยู่แล้ว แต่เราก็พบเห็นคนดื่มแอลกอฮอล์กันมากมายมิใช่หรือ ถึงขนาดคนไทยติดอันดับดื่มมากติดอันดับโลกด้วยเลขตัวเดียวเสียด้วย และการดื่มก็นำไปสู่อุบัติเหตุและภัยร้ายอื่น ๆ อีกมากมาย
คำถามคือแล้วทำไมวัยรุ่นถึงดื่ม ?
หนึ่ง - ดื่มฉลองทุกเทศกาล
เรียกว่าไม่ว่าจะเทศกาลไหน ๆ พวกเขาก็พบเห็นมาโดยตลอดว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสัญลักษณ์ในการฉลอง หรือการดื่มแอลกอฮอล์ในบ้านเราแทบทุกโอกาส ทุกเทศกาล หรือแม้แต่ทุกวันสุดสัปดาห์ จนกระทั่งทุกวัน เราจะพบเห็นการดื่มของผู้คนในทุกระดับ ทุกเพศ ทุกวัย ถ้าจะบอกว่าพวกเขาเห็นภาพเหล่านี้ตั้งแต่เล็กก็คงไม่ผิด
สอง - ทัศนคติการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเจ๋ง
เป็นค่านิยมของเด็กวัยรุ่น ที่มักนำไปเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรม เช่น รับน้อง หรือต้อนรับน้องใหม่ หรือเพื่อแสดงสัญลักษณ์ให้ดื่มเพื่อแสดงความเป็นพี่น้อง เด็กจำนวนมากดื่มเหล้าครั้งแรกก็จากการถูกบังคับให้ดื่ม จนถึงกับอ้วกแตกก็มีมากมาย แทบไม่มีเด็กคนไหนกล้าปฏิเสธรุ่นพี่ เพราะกลัวจะเกิดปัญหาในภายหลัง และถ้าใครไม่ดื่มก็จัดอยู่ในกลุ่มไม่เข้าพวกไปซะอีก
สาม - ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีอยู่ล้อมรอบสถานศึกษา
แม้จะมีความพยายามในการออกกฎหมายแก้ไขกฎหมายเพื่อกำหนดระยะห่างของร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับสถานศึกษา หรือกำหนดระยะเวลาการขายในร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้ซื้อกันยากขึ้น แต่ก็ไม่ช่วยอยู่ดี เพราะเด็กและเยาวชนเหล่านั้นก็รู้อยู่ดีว่าถ้าจะซื้อเครื่องดื่มประเภทนี้เมื่อไหร่ เขาจะซื้อได้ที่ไหน
สี่ - แบบอย่างของพ่อแม่
กรณีที่พ่อแม่ดื่มก็ทำใจได้เลยว่าอย่างไรลูกก็คงต้องดื่ม เพราะมีตัวอย่างเห็นอยู่ตำตา หรือแม้ไม่ใช่พ่อแม่แต่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านก็ตาม และต่อให้ไม่ได้ดื่มเป็นประจำ จะดื่มก็ต่อเมื่อมีงานสังสรรค์เท่านั้น แต่ลูกเราก็รับรู้และซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้นไปแล้ว
ห้า - ใคร ๆ ก็ดื่มกัน
ประโยคนี้สักวันหนึ่งคนเป็นพ่อแม่ที่ลูกเข้าสู่วัยรุ่นก็อาจจะได้ยิน เพราะสภาพแวดล้อมในสังคม รวมไปถึงสื่อรอบตัวก็มีตัวอย่างมากมาย นี่ยังไม่นับรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เขาคิดค้นผลิตขึ้นมาเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นวัยอยากลองอีกต่างหาก ผู้ผลิตเหล่านี้จะมีแผนการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มนี้โดยเฉพาะทีเดียวเชียว
แล้วพ่อแม่ควรทำอย่างไร ?
หนึ่ง - ทำใจ
ข้อนี้อาจจะยากสุด แต่ถ้าไม่ผ่านข้อนี้ก็ดูเหมือนจะต้องทะเลาะกับลูก และสุดท้ายลูกก็อาจจะโกหกคุณอยู่ดีว่าเขานัดเพื่อนไปดื่มกัน
สอง - คุยตรง ๆ
ข้อนี้ต่อเนื่องจากการทำใจ แล้วคุยกับลูกตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาวก็ตาม บอกเขาว่าพ่อแม่เข้าใจว่าลูกอาจต้องไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ขอให้บอกกันตรง ๆ จะไปที่ไหนกับใคร บอกให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่เป็นห่วง ถ้าจะให้ดีพ่อแม่ถือโอกาสไปส่งก็ได้ อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่าลูกไปกับใคร สถานที่ที่ลูกไปเป็นที่ไหน มีความปลอดภัยหรือไม่
สาม - กำหนดเวลาร่วมกัน
ข้อนี้ก็ต่อเนื่องมาจากการคุยกันตรง ๆ ก็คือ กำหนดเวลาว่าจะดื่มถึงกี่โมง พ่อแม่อนุญาตให้ถึงเวลาเท่านี้ และขอให้รักษาเวลา หรือจะกำหนดเวลาในการไปรับก็ได้ ข้อนี้จะช่วยกำกับไม่ให้เขาดื่มมากได้ด้วย เพราะรู้ว่าเดี๋ยวพ่อแม่ต้องมารับ และที่สำคัญต้องกำหนดกติการ่วมกันด้วยว่าหนึ่งปีได้กี่ครั้ง ถ้ายังอยู่ในวัยเรียนต้องมีข้อแม้ว่าไปได้หรือไม่ได้ในช่วงไหน รวมไปถึงต้องไม่กระทบการเรียนอย่างไร
สี่ - ถือโอกาสสอนให้รู้จักภัยสังคม
การดื่มให้ปลอดภัย ดื่มประมาณไหนให้พอเหมาะ และภัยร้ายอะไรบ้างที่อาจเกิดขึ้นได้ อาจยกตัวอย่างข่าวที่เกิดขึ้นรายวันก็ได้ เช่น เมื่อดื่มแอลกอฮอล์แล้ว เรื่องเล็ก ๆ บางเรื่องก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที หรือเกิดเหตุทะเลาะวิวาท หรืออุบัติเหตุ ซึ่งเป็นภัยสังคมรายวัน ลำพังไม่ได้ดื่มก็มีมากมาย ยิ่งดื่มยิ่งต้องระมัดระวังตัวเองอย่างไร
ห้า - ควรมีเพื่อนที่ไว้ใจไปด้วยทุกครั้ง
เป็นการปลูกฝังให้ลูกระมัดระวังตัว มีเพื่อนที่ไว้ใจไปด้วย หรือถ้ามีพี่น้อง ก็ให้เขาไปด้วยกัน โดยให้ดูแลซึ่งกันและกัน
ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากให้ลูกดื่มเหล้า แม้พ่อแม่อาจจะดื่มก็ตาม แต่ด้วยสภาพสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็จำเป็นที่คนเป็นพ่อแม่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกด้วย ถ้าลูกไม่ดื่มก็นับเป็นโชคดี แต่พ่อแม่ก็ต้องสอนให้ลูกรู้จักการป้องกันตนเองด้วยถ้าเขาต้องอยู่ในท่ามกลางสถานการณ์คนอื่นดื่ม ต้องระมัดระวังตัวเองอย่างไร
เพราะสภาพสังคมปัจจุบันใช้วิธีห้ามอย่างเดียวคงไม่ได้ หรืออาจได้ผลตรงข้ามอีกต่างหาก ลองปรับเปลี่ยนวิธีให้เขารู้จักตัวเองว่าควรดื่มหรือไม่ควรดื่มเมื่อไหร่ แค่ไหน และโทษภัยของมันจะมาเยือนอย่างไร
ทั้ง 5 ข้อเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากจนเกินไป ดิฉันเองมีลูกชาย 2 คนในช่วงวัยรุ่น อยู่โรงเรียนชายล้วน เรื่องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทบเป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งเติบโตขึ้นมาในสังคมไทยแบบที่เป็นอยู่ ก็ทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าลูกชายทั้งสองก็คงต้องดื่ม ซึ่งโดยส่วนตัวดิฉันก็ปฏิบัติทั้ง 5 ข้อนั่นแหละ
เรื่องการดื่มการฉลองในบ้านเรามันฝังรากอยู่ในสังคมไทยไปซะแล้ว ในเมื่อเราห้ามไม่ได้ ก็ขอให้ใช้วิกฤตเป็นโอกาสในการสอนให้ลูกดื่มให้ “เป็น” ซะเลย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่