หัวหน้า คสช. จัดหนักงัดคำสั่ง ม.44 แก้ปัญหาเด็กทะเลาะวิวาท ให้อำนาจเจ้าหน้าที่กักขังไม่เกิน 6 ชั่วโมง หากทำให้เสียชีวิตจำคุก 1 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 30/2559 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษา ลงวันที่ 21 มิ.ย. 2559 ใจความว่า ปัญหาการทะเลาวิวาทของนักเรียน นักศึกษา ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสังคม แต่เนื่องจากมาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ ไม่สามารถป้องกัน และแก้ไขปัญหาได้ทันต่อสถานการณ์ ทำให้เกิดอุปสรรคในการดำเนินการ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของเด็กนักเรียน นักศึกษา จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการทางกฎหมายเพิ่มเติม อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปและจัดระเบียบสังคม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 หัวหน้า คสช. โดยความเห็นชอบของ คสช. จึงมีคำสั่งดังต่อไป 1. ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ ตามหมวด 7 แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มีอำนาจกักตัวนักเรียน นักศึกษา ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น หรือเตรียมการเพื่อก่อเหตุดังกล่าว เป็นการชั่วคราวไม่เกิน 6 ชั่วโมง เพื่อนำส่งเจ้าพนักงานตำรวจ ผู้บริหารโรงเรียน หรือสถานศึกษา บิดามารดา หรือผู้ปกครอง แล้วแต่กรณี
2. บิดามารดา หรือผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรม สั่งสอน และยับยั้งพฤติกรรมที่ไม่ดี ของเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ที่อยู่ในความปกครองดูแลของตน รวมทั้งต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง ทีออกตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก ตลอดจนต้องไม่สนับสนุนหรือปล่อยปละละเลย ให้เด็กและเยาวชนที่เป็นนักเรียน และนักศึกษา ในปกครองรวมกลุ่มเพื่อก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น หรือเตรียมการเพื่อก่อเหตุดังกล่าว และให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ติดตาม และสอดส่อง ให้มีการดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ในกรณีที่พบเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักเรียน และนักศึกษา รวมกลุ่มเพื่อกระทำการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของบิดามารดา หรือผู้ปกครองของเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา แล้วแต่กรณี และให้เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ที่จะแจ้งให้บิดามารดา หรือผู้ปกครอง เข้ามารับทราบการกระทำของเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ดังกล่าว เพื่อให้คำแนะนำ ตักเตือน ทำทัณฑ์บน หรือวางข้อกำหนดเพื่อป้องกันมิให้กระทำผิดอีก หรืออาจให้วางประกันไว้เป็นจำนวนเงินตามสมควร แก่ฐานานุรูป แต่จะเรียกเงินประกันไว้ได้ไม่เกินระยะเวลา 2 ปี หากเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักเรียน นักศึกษาได้กระทำความผิดดังกล่าวซ้ำอีก ให้ริบเงินประกัน เป็นของกองทุนคุ้มครองเด็ก ตามกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองเด็ก
3. ผู้ใดกระทำการอันเป็นการยุยง ส่งเสริม ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนให้นักเรียน หรือ นักศึกษา ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับหากกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้นักเรียน หรือนักศึกษาไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือทำร้ายร่างกายผู้อื่น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ และหากเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เพราะการทะเลาะวิวาท หรือทำร้ายร่างกายนั้น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ
4. ให้โรงเรียนและสถานศึกษา มีหน้าที่จัดให้มีกิจกรรมในการแนะแนวเพื่อตอบสนองการแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียน และนักศึกษาทะเลาะวิวาท โดยร่วมมือกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกวดขันและเร่งรัด จัดทำมาตรการเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาทะเลาะวิวาทของนักเรียน และนักศึกษา ให้เป็นรูปธรรมเพื่อเป็นการลดปัญหาสังคมโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ คำสั่งนี้ใช้บังคับตั้งแต่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า จากคำสั่งดังกล่าวจะเห็นว่า หัวหน้า คสช. ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหา นักเรียน นักศึกษาทะเลาะวิวาท และน่าจะทำให้เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ปกครอง และนักเรียน มีความมั่นใจที่จะเรียนมาเรียนสายอาชีพเพิ่มขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 30/2559 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษา ลงวันที่ 21 มิ.ย. 2559 ใจความว่า ปัญหาการทะเลาวิวาทของนักเรียน นักศึกษา ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสังคม แต่เนื่องจากมาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ ไม่สามารถป้องกัน และแก้ไขปัญหาได้ทันต่อสถานการณ์ ทำให้เกิดอุปสรรคในการดำเนินการ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของเด็กนักเรียน นักศึกษา จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการทางกฎหมายเพิ่มเติม อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปและจัดระเบียบสังคม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 หัวหน้า คสช. โดยความเห็นชอบของ คสช. จึงมีคำสั่งดังต่อไป 1. ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ ตามหมวด 7 แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มีอำนาจกักตัวนักเรียน นักศึกษา ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น หรือเตรียมการเพื่อก่อเหตุดังกล่าว เป็นการชั่วคราวไม่เกิน 6 ชั่วโมง เพื่อนำส่งเจ้าพนักงานตำรวจ ผู้บริหารโรงเรียน หรือสถานศึกษา บิดามารดา หรือผู้ปกครอง แล้วแต่กรณี
2. บิดามารดา หรือผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรม สั่งสอน และยับยั้งพฤติกรรมที่ไม่ดี ของเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ที่อยู่ในความปกครองดูแลของตน รวมทั้งต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง ทีออกตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก ตลอดจนต้องไม่สนับสนุนหรือปล่อยปละละเลย ให้เด็กและเยาวชนที่เป็นนักเรียน และนักศึกษา ในปกครองรวมกลุ่มเพื่อก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น หรือเตรียมการเพื่อก่อเหตุดังกล่าว และให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ติดตาม และสอดส่อง ให้มีการดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ในกรณีที่พบเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักเรียน และนักศึกษา รวมกลุ่มเพื่อกระทำการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของบิดามารดา หรือผู้ปกครองของเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา แล้วแต่กรณี และให้เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ที่จะแจ้งให้บิดามารดา หรือผู้ปกครอง เข้ามารับทราบการกระทำของเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ดังกล่าว เพื่อให้คำแนะนำ ตักเตือน ทำทัณฑ์บน หรือวางข้อกำหนดเพื่อป้องกันมิให้กระทำผิดอีก หรืออาจให้วางประกันไว้เป็นจำนวนเงินตามสมควร แก่ฐานานุรูป แต่จะเรียกเงินประกันไว้ได้ไม่เกินระยะเวลา 2 ปี หากเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักเรียน นักศึกษาได้กระทำความผิดดังกล่าวซ้ำอีก ให้ริบเงินประกัน เป็นของกองทุนคุ้มครองเด็ก ตามกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองเด็ก
3. ผู้ใดกระทำการอันเป็นการยุยง ส่งเสริม ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนให้นักเรียน หรือ นักศึกษา ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับหากกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้นักเรียน หรือนักศึกษาไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือทำร้ายร่างกายผู้อื่น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ และหากเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เพราะการทะเลาะวิวาท หรือทำร้ายร่างกายนั้น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ
4. ให้โรงเรียนและสถานศึกษา มีหน้าที่จัดให้มีกิจกรรมในการแนะแนวเพื่อตอบสนองการแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียน และนักศึกษาทะเลาะวิวาท โดยร่วมมือกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกวดขันและเร่งรัด จัดทำมาตรการเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาทะเลาะวิวาทของนักเรียน และนักศึกษา ให้เป็นรูปธรรมเพื่อเป็นการลดปัญหาสังคมโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ คำสั่งนี้ใช้บังคับตั้งแต่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า จากคำสั่งดังกล่าวจะเห็นว่า หัวหน้า คสช. ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหา นักเรียน นักศึกษาทะเลาะวิวาท และน่าจะทำให้เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ปกครอง และนักเรียน มีความมั่นใจที่จะเรียนมาเรียนสายอาชีพเพิ่มขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น