สุราษฎร์ธานี - รองอธิบดีกรมพินิจฯ หารือร่วมผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังเยาวชนในศูนย์ฝึกฯ ก่อเหตุยกพวกตีกันตายเจ็บนับร้อย ออก 3 มาตรการดูแลไม่ให้ก่อเหตุซ้ำ พร้อมสรุปสาเหตุเกิดจากแย่งตัวน้องใหม่เข้าเสริมกลุ่ม
ความคืบหน้าเยาวชนศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 8 จ.สุราษฎร์ธานี ยกพวกตีกันแย่งความเป็นใหญ่ระหว่างเยาวชน จ.นครศรีธรรมราช กับสุราษฎร์ธานี ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 93 คน สาหัส 30 คน และเสียชีวิต 1 คน เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา และล่าสุด เจ้าหน้าที่ปูพรมค้นหาอาวุธในศูนย์ฝึกพบอาวุธดัดแปลงจำนวนมากดังที่ได้เสนอข่าวไปอย่างต่อเนื่องนั้น
ต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (15 มิ.ย.) นายอภิชาติ จารุศิริ รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ประชุมร่วมกับ นายวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร ตำรวจ เพื่อสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและวางมาตรการป้องกัน
นายวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้กำหนดมาตรการ 3 ประการ คือ 1.จัดระเบียบภายในศูนย์ฝึกฯ 2.แยกเยาวชนที่เป็นแกนนำให้อยู่คนละที่เพื่อความปลอดภัย และ 3.นำทหารจากค่ายวิภาวดีรังสิต มาฝึกเรื่องวินัย และนำนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ เข้าไปละลายพฤติกรรมลดความขัดแย้ง นอกจากนั้นยังมีการจัดทำทะเบียนประวัติของแกนนำ ส่วนเยาวชนที่บาดเจ็บเล็กน้อยได้นำกลับเข้าศูนย์ฝึกฯ แล้ว ส่วนที่ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ขณะนี้มีจำนวน 18 คน เสียชีวิต 1 คน ญาติเดินทางมารับศพแล้ว
ด้าน นายวงศ์ศักดิ์ ประเทียบอินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 8 จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่เยาวชนทะเลาะวิวาทนั้นเกิดจากการเปิดศึกแย่งเยาวชนที่เพิ่งเข้ามาใหม่เพื่อให้เข้ากลุ่มตนเอง หวังเพิ่มศักยภาพให้แก่กลุ่ม และก่อนเกิดเหตุเยาวชนได้สะสมอาวุธดัดแปลงไปซุกซ่อนตามพุ่มไม้ในสระน้ำ และบางส่วนนำไปฝังดิน และในแท็งก์น้ำ
พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด สอบสวนทำคดีนี้โดยเฉพาะ โดยได้สอบปากคำไปบางส่วนแล้ว หลังจากนั้น นำผลการสอบปากคำทั้งหมดมาวิเคราะห์แล้วจะดำเนินการในเรื่องคดีต่อไป
ด้าน นายอภิชาติ จารุศิริ รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า เยาวชนที่ทำผิดซ้ำเติมนั้นเมื่อทางพนักงานสอบสวนตรวจสอบแล้วเป็นเยาวชนจริงที่ก่อเหตุก็จะดำเนินการตามข้อกฎหมาย โดยศาลเยาวชนจะพิพากษา แต่ถ้าอายุเกิน 18 ปี ก็จะขึ้นศาลจังหวัด ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นเรื้อรัง และเรื่องสถานที่แออัดนั้นตอนนี้ทางกรมฯ มีแผนที่จะก่อสร้างศูนย์ฝึกฯ เพิ่มอีก 1 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดฝั่งอันดามัน ที่ จ.กระบี่ ซึ่งมีสถานที่รองรับแล้วเพื่อกระจายเยาวชนที่ศาลพิพากษาแล้วป้องกันการแบ่งกลุ่ม และป้องกันก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวในระยะยาวต่อไป
พล.ต.วิชัย ทัศนมณเทียร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดีรังสิต กล่าวว่า ได้ส่งกำลังทหาร จำนวน 1 หมวด หรือกว่า 20 นาย ประกอบด้วย ครูฝึกทหารใหม่ และทหาร มทบ.45 เข้าประจำในศูนย์ฝึก เพื่อเป็นการป้องกันเหตุซ้ำซ้อน พร้อมทั้งฝึกเรื่องระเบียบวินัย ละลายพฤติกรรม ลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันนี้มีญาติของเยาวชนมาติดตามขอเยี่ยมลูกหลานเป็นจำนวนมาก แต่ต้องผิดหวังเมื่อทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม เนื่องจากไม่ใช่วันเยี่ยม และทางเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันว่า จะดูแลเยาวชนให้เป็นอย่างดี และขอความร่วมมือให้มาเยี่ยมตามวันที่กำหนด