สธ.สั่งทุก รพ.ใช้ยาสมเหตุผล ไม่พร่ำเพรื่อ ประหยัดค่ายาปีละหมื่น ล.

รมว.สธ. สั่งทุก รพ. ทำโครงการใช้ยาสมเหตุผล ลดการใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ การใช้ยาที่ไม่จำเป็น เพิ่มความปลอดภัยในคนไข้ ชี้ช่วยประหยัดงบประมาณด้านยาได้ถึงปีละหมื่นล้านบาท

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังมีการใช้ยาไม่สมเหตุสมผลอยู่มาก ยกตัวอย่าง การใช้ยาปฏิชีวนะเกินความจำเป็น ซึ่งนำมาสู่ปัญหาเชื้อดื้อยาได้ สาเหตุมีทั้งแพทย์จ่ายให้เกินความจำเป็น รวมไปถึงประชาชนไม่เข้าใจมีการร้องขอยาปฏิชีวนะจากแพทย์ หรือไปซื้อมาใช้เอง ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ หรืออย่างลูกอมแก้เจ็บคอที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ แต่สัดส่วนของยามีน้อยมากไม่เพียงพอที่จะสามารถฆ่าเชื้อได้ ตรงนี้ล้วนแต่ก่อให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาขึ้นทั้งสิ้น หรือการใช้ยาพาราเซตามอนเกินขนาด จนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เป็นต้น ซึ่งหากสามารถทำให้การใช้ยาพร่ำเพรื่อตรงนี้มาสู่การใช้อย่างสมเหตุสมผลได้ก็จะช่วยประหยัดค่ายาได้อย่างมหาศาล

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ที่ผ่านมา สธ. มีการดำเนินโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (Rational Drug Use Hospital) โดยมีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล 57 แห่ง ทั้งโรงพยาบาลสังกัด สธ. และโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ซึ่งตนเห็นว่า นโยบายนี้มีความสำคัญ และควรที่จะดำเนินการทุกแห่งในโรงพยาบาล ในการประชุมผู้บริหารระดับสูง สธ. เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนจึงได้สั่งให้โรงพยาบาลในสังกัด สธ. ดำเนินเรื่องการใช้ยาอย่างสมเหตุผลทุกแห่ง ซึ่งหากสามารถทำได้ ลดการใช้ยาที่ไม่จำเป็นลงจะช่วยประเทศชาติประหยัดงบประมาณด้านยาได้ถึงปีละ 10,000 ล้านบาท

“ขณะนี้ได้สั่งการเรื่องนี้ลงไปแล้ว ก็จะให้ผู้ตรวจราชการ สธ. ทุกเขตสุขภาพ ติดตามเรื่องการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในแต่ละโรงพยาบาลว่าเป็นอย่างไร โดยในปีงบประมาณ 2559 นี้ จะให้แต่ละโรงพยาบาลเตรียมความพร้อมก่อน และเมื่อเข้าสู่ปีงบประมาณ 2560 ก็ให้ดำเนินการตามแผนที่แต่ละโรงพยาบาลกำหนดไว้ว่าจะใช้ยาอย่างสมเหตุผลได้อย่างไรบ้าง เช่น จำนวนการใช้ยาปฏิชีวนะลดลงหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งเป้าหมายของแต่ละโรงพยาบาลก็จะต่างกันออกไป โดยมีผู้ตรวจฯ เป็นผู้กำกับติดตาม ซึ่งหากทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ยืนยันว่า ไม่ได้มีการลงโทษ แต่จะเข้าไปช่วยเหลือว่าเกิดจากการติดขัดในปัญหาใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องยาก็ต้องเข้าไปช่วยโรงพยาบาลด้วย” รมว.สธ. กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่