สบส. เผย พ.ร.บ. สปา ห้ามคนต้องโทษ 4 คดี “ค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ยาเสพติด คดีทางเพศ” ดำเนินกิจการสปา และต้องไม่มีคดีเกี่ยวกับทรัพย์ ย้ำเข้มตรวจสอบทะเบียนอาชญากรรมผู้ยื่นขอทุกราย
วันนี้ (14 มิ.ย.) น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเปิดประชุมเจ้าของธุรกิจสปา นวดเพื่อสุขภาพ หรือเสริมความงาม เพื่อชี้แจงความเข้าใจ พ.ร.บ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 ต่อนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และแกนนำ อสม. ในจังหวัดภาคกลาง 24 จังหวัด ว่า พ.ร.บ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ก.ย. 2559 นี้ถือเป็นกฎมายฉบับแรกของโลก ในการควบคุมกำกับ ส่งเสริมมาตรฐานของสถานประกอบการเพื่อสุขภาพที่ถูกต้อง และขจัดธุรกิจที่ไม่ได้มาตรฐานให้หมดไป สร้างจุดแข็งในด้านบริการของไทยให้มีเอกลักษณ์โดดเด่น สบส. ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการซึ่งในเบื้องต้น ได้แก่ สปาสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมความงาม ทั้งรายเก่า และรายใหม่ ปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ ศึกษาแนวทางการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะสปาเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นบริการขนาดใหญ่ที่สุด และมีบริการในสถานที่หลายเมนู จึงต้องเคร่งครัดเป็นกรณีพิเศษ ผู้ที่จะขออนุญาตประกอบกิจการ ต้องมีประวัติความประพฤติขาวสะอาด และต้องไม่เคยต้องโทษ 4 คดีต้องห้าม ดังต่อไปนี้ คือ คดีค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ยาเสพติด และคดีทางเพศ
“ส่วนผู้ดำเนินการสปาเพื่อสุขภาพ จะต้องได้รับวุฒิบัตร หรือประกาศนียบัตรจากสถาบันที่กรมสบส. รับรอง และผ่านการสอบประเมินความรู้ความสามารถ รวมทั้งไม่เคยมีคดีต้องห้าม 5 คดี ได้แก่ ค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ยาเสพติด คดีทางเพศและเกี่ยวกับทรัพย์ เพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้รับบริการทั้งไทยและเทศ ว่า เมื่อเข้าไปใช้บริการในสปาแล้ว จะได้รับบริการที่ดีมีคุณภาพมาตรฐาน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และไม่มีบริการอื่นใด ๆ แอบแฝงทั้งสิ้น โดยกรม สบส. จะขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบประวัติทะเบียนอาชญากรรมผู้ที่ยื่นขออนุญาตทุกราย หากพบจะเพิกถอนใบอนุญาตตัดสิทธิ์ทันที” อธิบดี สบส. กล่าว
นพ.ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2559 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการสปาเพื่อสุขภาพทั้งรายเก่า รายใหม่ ต้องยื่นเรื่องขออนุญาตกับกรม สบส. และที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ พนักงานเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบคุณสมบัติ และประวัติผู้ขออนุญาตอย่างเคร่งครัด โดยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง โรคพิษสุราเรื้อรัง หรือติดยาเสพติด ไม่อยู่ในระยะเวลาถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการ หรือหากเคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตจะต้องผ่านมาแล้ว 2 ปีนับถึงวันยื่นขอใหม่ ส่วนกิจการอีก 2 ประเภท คือ นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมความงาม ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนได้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน
สำหรับผู้ดำเนินการสปา ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมมาตรฐานบริการ อุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ ผู้ให้บริการ รวมทั้งดูแลความปลอดภัยผู้รับบริการจะต้องผ่านการสอบประเมินความรู้ความสามารถการเป็นผู้ดำเนินการสปาก่อนจึงจะมีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนจาก สบส. โดยจะจัดสอบประเมินในเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2559 ที่ กทม. เชียงใหม่ และ สุราษฎร์ธานี
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (14 มิ.ย.) น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเปิดประชุมเจ้าของธุรกิจสปา นวดเพื่อสุขภาพ หรือเสริมความงาม เพื่อชี้แจงความเข้าใจ พ.ร.บ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 ต่อนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และแกนนำ อสม. ในจังหวัดภาคกลาง 24 จังหวัด ว่า พ.ร.บ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ก.ย. 2559 นี้ถือเป็นกฎมายฉบับแรกของโลก ในการควบคุมกำกับ ส่งเสริมมาตรฐานของสถานประกอบการเพื่อสุขภาพที่ถูกต้อง และขจัดธุรกิจที่ไม่ได้มาตรฐานให้หมดไป สร้างจุดแข็งในด้านบริการของไทยให้มีเอกลักษณ์โดดเด่น สบส. ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการซึ่งในเบื้องต้น ได้แก่ สปาสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมความงาม ทั้งรายเก่า และรายใหม่ ปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ ศึกษาแนวทางการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะสปาเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นบริการขนาดใหญ่ที่สุด และมีบริการในสถานที่หลายเมนู จึงต้องเคร่งครัดเป็นกรณีพิเศษ ผู้ที่จะขออนุญาตประกอบกิจการ ต้องมีประวัติความประพฤติขาวสะอาด และต้องไม่เคยต้องโทษ 4 คดีต้องห้าม ดังต่อไปนี้ คือ คดีค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ยาเสพติด และคดีทางเพศ
“ส่วนผู้ดำเนินการสปาเพื่อสุขภาพ จะต้องได้รับวุฒิบัตร หรือประกาศนียบัตรจากสถาบันที่กรมสบส. รับรอง และผ่านการสอบประเมินความรู้ความสามารถ รวมทั้งไม่เคยมีคดีต้องห้าม 5 คดี ได้แก่ ค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ยาเสพติด คดีทางเพศและเกี่ยวกับทรัพย์ เพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้รับบริการทั้งไทยและเทศ ว่า เมื่อเข้าไปใช้บริการในสปาแล้ว จะได้รับบริการที่ดีมีคุณภาพมาตรฐาน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และไม่มีบริการอื่นใด ๆ แอบแฝงทั้งสิ้น โดยกรม สบส. จะขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบประวัติทะเบียนอาชญากรรมผู้ที่ยื่นขออนุญาตทุกราย หากพบจะเพิกถอนใบอนุญาตตัดสิทธิ์ทันที” อธิบดี สบส. กล่าว
นพ.ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2559 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการสปาเพื่อสุขภาพทั้งรายเก่า รายใหม่ ต้องยื่นเรื่องขออนุญาตกับกรม สบส. และที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ พนักงานเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบคุณสมบัติ และประวัติผู้ขออนุญาตอย่างเคร่งครัด โดยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง โรคพิษสุราเรื้อรัง หรือติดยาเสพติด ไม่อยู่ในระยะเวลาถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการ หรือหากเคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตจะต้องผ่านมาแล้ว 2 ปีนับถึงวันยื่นขอใหม่ ส่วนกิจการอีก 2 ประเภท คือ นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมความงาม ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนได้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน
สำหรับผู้ดำเนินการสปา ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมมาตรฐานบริการ อุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ ผู้ให้บริการ รวมทั้งดูแลความปลอดภัยผู้รับบริการจะต้องผ่านการสอบประเมินความรู้ความสามารถการเป็นผู้ดำเนินการสปาก่อนจึงจะมีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนจาก สบส. โดยจะจัดสอบประเมินในเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2559 ที่ กทม. เชียงใหม่ และ สุราษฎร์ธานี
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่