คนไทย 1 ใน 4 ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ราว 13 ล้านคน สธ . รณรงค์วันความดันโลหิตสูงโลก ปี 2559 ปรับพฤติกรรมสุขภาพ เพิ่มกิจกรรมทางกาย งดบุหรี่เหล้า ตรวจความดันปีละครั้ง
วันนี้ (16 พ.ค.) นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า เนื่องจากสมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลก ได้กำหนดให้วันที่ 17 พ.ค. ของทุกปีเป็นวันความดันโลหิตสูงโลก ซึ่งโรคความดันโลหิตสูง เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในระดับโลกและระดับประเทศ โดยสถานการณ์ทั่วโลก พบว่ามีผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเกือบถึงพันล้านคน และมีเพียงร้อยละ 50 เท่านั้นที่รู้ตัวว่าป่วย จึงเป็นที่มาในการกำหนดประเด็นการรณรงค์ของปีนี้ คือ “Know Your Numbers” หรือ “ท่านทราบระดับความดันโลหิตของตนเองหรือไม่”
ส่วนในประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2557 ประชาชนไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นโรคความดันโลหิตสูงประมาณร้อยละ 25 หรือคนไทย 1 ใน 4 คน เป็นโรคความดันโลหิตสูงนั่นเอง คิดเป็นจำนวนผู้ที่มีความดันโลหิตสูงประมาณ 13 ล้านคน ซึ่งมีเพียงร้อยละ 44 เท่านั้น ที่ทราบว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูง ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้เข้าสู่ระบบการดูแลรักษา ที่สำคัญ โรคความดันโลหิตสูงยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคไต อันเป็นสาเหตุถึงขั้นรุนแรงที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ จากข้อมูลล่าสุด พบว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง ประมาณ 60,000 ราย โรคหลอดเลือดหัวใจ ประมาณ 40,000 ราย และโรคไต ประมาณ 14,000 ราย นอกจากนี้ ยังพบว่าโรคความดันโลหิตสูงมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่สูง หากคนไทยป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 10 ล้านคน จะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลถึงประมาณ 80,000 ล้านบาทต่อปี
นพ.อำนวย กล่าวว่า สำหรับมาตรการเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงในประเทศไทย มี 2 มาตรการสำคัญ ดังนี้ 1. มาตรการสำหรับการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โดยใช้การลดผู้ป่วยรายใหม่ ทั้งการลดปัจจัยเสี่ยงหลักและการส่งเสริมสุขภาพ เช่น ลดการกินเค็ม เกลือ หรือโซเดียม การลดภาวะอ้วนจองคนไทยภายใต้โครงการ “คนไทยไร้พุง” และ 2. มาตรการสำหรับการควบคุมและจัดการโรค โดยใช้แผนบริการสุขภาพ ด้วยการคัดกรองโรคความดันโลหิตสูง การจัดการโรค รวมถึงการคัดกรองภาวะแทรกซ้อนและการฟื้นฟูสภาพ มีการพัฒนาคลินิกโรคไม่ติดต่อ (NCD) ที่มีคุณภาพ ใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการกับปัจจัยเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง
ในโอกาสนี้ ขอแนะนำว่า ครอบครัวเป็นส่วนสำคัญในการปรับพฤติกรรมสุขภาพ เนื่องจากเป็นกำลังใจ เป็นแบบอย่าง และร่วมใจกันปฏิบัติตน เช่น พากันเพิ่มกิจกรรมทางกาย ออกกำลังกาย การประกอบอาหารสุขภาพในครอบครัว รวมถึงงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ ทั้งนี้ ประชาชนควรไปรับการตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ต้องรู้ค่าตัวเลขและความหมายของระดับความดันโลหิตของตนเอง เพราะเป็นตัวเลขสำคัญที่จะทำให้รู้ภาวะสุขภาพและสามารถนำไปดูแลตนเองต่อไปได้ ซึ่งค่าความดันโลหิตปกติจะต้องน้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท หากมีข้อสงสัยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค 0-2590-3963 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่