เริ่มแล้วฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี 4 กลุ่มเสี่ยงทุกสิทธิการรักษา รวม 3.1 ล้านราย 1 พ.ค. - 31 ก.ค. นี้ หวังลดอัตราป่วยตาย
นพ.ชูชัย ศรชำนิ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในปี 2559 คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 350 ล้านบาท เป็นค่าวัคซีนและการจัดการวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เพื่อจัดซื้อวัคซีน 3.1 ล้านโดส ฉีดฟรีให้กับประชาชน 3.1 ล้านรายทุกสิทธิ 4 กลุ่ม ดังนี้ 1. หญิงตั้งครรภ์ ที่อายุครรภ์มากกว่า 4 เดือนขึ้นไป 2. เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี 3. ผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุที่มีโรคเรื้อรังสำคัญ 7 โรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งได้รับยาเคมีบำบัด และ เบาหวาน 4. ผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี นอกจากนั้น กรมควบคุมโรค (คร.) ยังได้จัดหาวัคซีน 4 แสนโดส เพื่อฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล โดยเริ่มให้บริการพร้อมกับประชาชน
“การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีนี้ จะเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม - 31 กรกฎาคม 2559 ทั้งนี้ ผู้มารับบริการก่อนได้สิทธิฉีดวัคซีนก่อน โดยประชาชนกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลภาครัฐและโรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นทะเบียนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422” ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. กล่าว
นพ.ชูชัย กล่าวว่า วัคซีนไข้หวัดใหญ่ฤดูกาลใหม่ที่ฉีดให้กับประชาชนในปีนี้ เป็นวัคซีนที่ผลิตจากเชื้อตายชนิด 3 สายพันธุ์ คือ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 (A H1N1), ชนิดเอ เอช3 เอ็น2 (A H3N2) และ ชนิดบี (B) ซึ่งมีความคุ้มค่าและความปลอดภัยกว่าวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ ที่เพิ่งมีใช้ในภาคเอกชน เพราะมีประสบการณ์การใช้ในประเทศไทยยาวนานกว่า 10 ปี และยังเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบบ่อยในไทยและทั่วโลก นอกจากนี้ ยังเป็นวัคซีนที่ใช้ได้ผลดี เนื่องจากเชื้อไม่มีปัญหากลายพันธุ์ อีกทั้งการระบาดของไข้หวัดใหญ่ปีที่แล้ว โดยเฉพาะการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ส่วนใหญ่เป็นชนิด เอช3 เอ็น2 (A H3N2) มีสายพันธุ์ใกล้เคียงกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ เอช3 เอ็น2 (A H3N2 - สายพันธุ์ ใหม่) ที่พบในฮ่องกงในปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ปีนี้ จึงมีการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ถึง 2 สายพันธุ์ตามการกำหนดขององค์การอนามัยโลก (WHO) ดังนี้ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 (A H1N1), ชนิดเอ เอช3 เอ็น2 (A H3N2 - สายพันธุ์ใหม่) เป็นเอ/ฮ่องกง แทน เอ/สวิตเซอร์แลนด์ และไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดบี (B-สายพันธุ์ใหม่) เป็น บี/วิคตอเรีย แทน บี/ยามากาตะ ดังนั้น หากในปีนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ บี/วิคตอเรีย เพิ่มขึ้น วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ จะป้องกันครอบคลุมสายพันธุ์บี/วิคตอเรียด้วย เช่นเดียวกับวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ ทางการแพทย์ถือว่าประสิทธิภาพใกล้เคียง จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้วัคซีน 4 สายพันธุ์
ทั้งนี้ สถานการณ์ภาพรวมโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลของประเทศ แต่ละปีจะมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ประมาณ 9 แสนราย ในจำนวนนี้ร้อยละ 3 หรือรวม 26,000 ราย จะมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงเช่น ปอดบวม ต้องรับรักษาในโรงพยาบาล เสียชีวิตปีละประมาณ 150 ราย โดยในปี 2559 นี้ ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 17 เมษายน 2559 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จำนวน 43,109 ราย ซึ่งเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 จึงต้องเร่งช่วยกันทุกภาคส่วนรณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อเป็นการป้องกันและลดจำนวนผู้ป่วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่