ผู้เชี่ยวชาญไวรัสเผยพบไทยป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 มากขึ้น เตือนบุคลากรทางการแพทย์ให้ยา “โอเซลทามิเวียร์” ผู้ป่วยไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ และกลุ่มเสี่ยงทันที ด้านรองอธิบดี คร. ยันไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นผิดปกติ
วันนี้ (8 ก.พ.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์ขณะนี้ พบว่า สัดส่วนของการป่วยไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย แม้จะไม่สูงมากนั้น เพราะตามปกติประเทศไทยจะพบการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในช่วงหน้าฝนมากกว่าหน้าหนาว แต่ขณะนี้พบการป่วยด้วยเชื้อ H1N1 หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 มากอย่างมีนัยสำคัญ มากกว่า H3N2 ดังนั้น จึงอยากเตือนบุคลากรทางการแพทย์ อย่าหลงลืม และจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ทันที กับผู้ป่วยที่มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส และมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ เด็กเล็ก อายุน้อยกว่า 2 ปี หรือ 5 ปี ผู้สูงอายุ มากกว่า 65 ปี ผู้ป่วยโรคปอด โรคหัวใจ เรื้อรัง (ยกเว้นความดันโลหิตสูงอย่างเดียว ที่ไม่มีปัญหาหัวใจ) โรคตับ ไต เลือด ระบบประสาท ผู้กินยากดภูมิต้านทาน หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น HIV และ สตรีตั้งครรภ์ รวมทั้งหลังคลอดใน 2 สัปดาห์ ,เด็กที่ให้ยาแอสไพริน คนอ้วนที่ BMI มากกว่า 30 ไม่ควรเชื่อผล rapid test ซึ่งมีความไวต่ำ false negative สูง และไม่ควรรอผล real time RT-PCR ในกลุ่มเสี่ยง
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขระนี้สภาพอากาศร้อนสลับหนาวอาจทำให้ช่วงนี้พบคนป่วยเป็นโรคไข้หวัดมากขึ้น สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะร่างกายอ่อนแอ และอาจมีภาวะหลอดลมอักเสบ ทำให้ไวต่อสภาพอากาศเกิดการไอเรื้อรัง ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว และขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้นจนผิดปกติ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่