สธ.เตรียมเปิด “คลินิกการเดินทางและท่องเที่ยว” ครบ 13 เขตสุขภาพในปี 59 ให้คำปรึกษา ฉีดวัคซีนป้องกันโรค ตรวจสุขภาพ ออกใบรับรองแพทย์ก่อนเดินทาง รักษาโรคที่เกิดจากการเดินทางท่องเที่ยว
วันนี้ (28 มี.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปาฐกถาเกียรติยศ “ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์” เรื่อง “มุมมองของการเดินทางท่องเที่ยวในมิติการแพทย์และการสาธารณสุข ของประเทศไทย และอาเซียน” ในการประชุมวิชาการประจำปีสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันและสมาคมนักบริหารโรงพยาบาลประเทศไทย ว่า สธ.ได้จัดตั้ง “คลินิกการเดินทางและท่องเที่ยว” ที่สถาบันบำราศนราดูร เป็นแห่งแรก สธ. และแห่งที่ 2 ของประเทศไทย เมื่อปี 2558 เพื่อให้บริการแก่ชาวไทย และต่างชาติที่เดินทางไปท่องเที่ยว ศึกษาดูงาน ทำงานในประเทศต่างๆ คาดการณ์ว่าในปี 2560 จะมีนักเดินทางท่องเที่ยวสูงถึง 12 ล้านล้านคน สำหรับประเทศไทยในปี 2558 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 29.86 ล้านคน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในระดับดีมาก คาดว่าปี 2559 รายได้ทางการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.62 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 32 ล้านคน
“คลินิกการเดินทางและท่องเที่ยวจะให้บริการคำปรึกษา และดูแลสุขภาพก่อนและหลังเดินทาง การฉีดวัคซีนป้องกันโรค ให้คำแนะนำการป้องกันโรค ตรวจสุขภาพและออกใบรับรองแพทย์ก่อนเดินทาง รวมถึงการรักษาโรคที่เกิดจากการเดินทางท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงการเดินทางและท่องเที่ยว โดยจะเปิดการฝึกอบรมตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 รวมทั้งมีแผนจะจัดตั้งคลินิกการเดินทาง และท่องเที่ยวให้ครบใน 13 เขตสุขภาพ ภายในปี 2559 เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างทั่วถึง” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวว่า การเตรียมตัวก่อนการเดินทางทั้งท่องเที่ยว และทำงานเป็นเรื่องสำคัญมาก มุมมองการเดินทางการท่องเที่ยวในมิติทางการแพทย์ และการสาธารณสุข จะหมายถึงการเดินทาง หรือท่องเที่ยวอย่างมีสุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย จิตใจ สังคม และปัญญา เนื่องจากการเดินทางมีความเสี่ยงจาก 3 ปัจจัย คือ 1.ปัจจัยด้านสุขภาพของผู้เดินทาง ได้แก่ วัย โรคประจำตัว 2.ปัจจัยด้านพฤติกรรมการเดินทางได้แก่ กิจกรรม ที่พัก และ 3.ปัจจัยด้านพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่สูง พื้นที่ที่มีโรคระบาด หรือโรคประจำถิ่น ซึ่งการเตรียมพร้อมจะลดความเสี่ยงใน 3 ปัจจัยดังกล่าว โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ สำหรับโรงพยาบาลในพื้นที่การท่องเที่ยว กระทรวงสาธารณสุขได้มีการเตรียมการพัฒนาให้มีศักยภาพรองรับปัญหาด้านสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องต่อการท่องเที่ยว โดยเน้นให้โรงพยาบาลได้รับการรับรองคุณภาพระดับ HA และ JCI รวมถึงการส่งต่ออย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (28 มี.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปาฐกถาเกียรติยศ “ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์” เรื่อง “มุมมองของการเดินทางท่องเที่ยวในมิติการแพทย์และการสาธารณสุข ของประเทศไทย และอาเซียน” ในการประชุมวิชาการประจำปีสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันและสมาคมนักบริหารโรงพยาบาลประเทศไทย ว่า สธ.ได้จัดตั้ง “คลินิกการเดินทางและท่องเที่ยว” ที่สถาบันบำราศนราดูร เป็นแห่งแรก สธ. และแห่งที่ 2 ของประเทศไทย เมื่อปี 2558 เพื่อให้บริการแก่ชาวไทย และต่างชาติที่เดินทางไปท่องเที่ยว ศึกษาดูงาน ทำงานในประเทศต่างๆ คาดการณ์ว่าในปี 2560 จะมีนักเดินทางท่องเที่ยวสูงถึง 12 ล้านล้านคน สำหรับประเทศไทยในปี 2558 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 29.86 ล้านคน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในระดับดีมาก คาดว่าปี 2559 รายได้ทางการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.62 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 32 ล้านคน
“คลินิกการเดินทางและท่องเที่ยวจะให้บริการคำปรึกษา และดูแลสุขภาพก่อนและหลังเดินทาง การฉีดวัคซีนป้องกันโรค ให้คำแนะนำการป้องกันโรค ตรวจสุขภาพและออกใบรับรองแพทย์ก่อนเดินทาง รวมถึงการรักษาโรคที่เกิดจากการเดินทางท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงการเดินทางและท่องเที่ยว โดยจะเปิดการฝึกอบรมตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 รวมทั้งมีแผนจะจัดตั้งคลินิกการเดินทาง และท่องเที่ยวให้ครบใน 13 เขตสุขภาพ ภายในปี 2559 เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างทั่วถึง” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวว่า การเตรียมตัวก่อนการเดินทางทั้งท่องเที่ยว และทำงานเป็นเรื่องสำคัญมาก มุมมองการเดินทางการท่องเที่ยวในมิติทางการแพทย์ และการสาธารณสุข จะหมายถึงการเดินทาง หรือท่องเที่ยวอย่างมีสุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย จิตใจ สังคม และปัญญา เนื่องจากการเดินทางมีความเสี่ยงจาก 3 ปัจจัย คือ 1.ปัจจัยด้านสุขภาพของผู้เดินทาง ได้แก่ วัย โรคประจำตัว 2.ปัจจัยด้านพฤติกรรมการเดินทางได้แก่ กิจกรรม ที่พัก และ 3.ปัจจัยด้านพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่สูง พื้นที่ที่มีโรคระบาด หรือโรคประจำถิ่น ซึ่งการเตรียมพร้อมจะลดความเสี่ยงใน 3 ปัจจัยดังกล่าว โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ สำหรับโรงพยาบาลในพื้นที่การท่องเที่ยว กระทรวงสาธารณสุขได้มีการเตรียมการพัฒนาให้มีศักยภาพรองรับปัญหาด้านสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องต่อการท่องเที่ยว โดยเน้นให้โรงพยาบาลได้รับการรับรองคุณภาพระดับ HA และ JCI รวมถึงการส่งต่ออย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่