สธ. ร่วมประชุม WHO ภูมิภาคอาเซียน พร้อมเดินหน้าคุมบุหรี่ ลดตายจากมะเร็ง ด้านภาคีเครือข่ายหมออนามัย ประกาศปฏิญญาหนุน กม. บุหรี่ ฉบับใหม่ เผยมีคนลงชื่อหนุนมากกว่า 12 ล้านคน ตั้งเป้า 15 ล้านเสียง
วันนี้ (17 ก.ย.) นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 - 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนได้รับมอบหมายจาก รมว.สาธารณสุข ให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สมัยที่ 68 ที่กรุงดิลี สาธารณรัฐติมอร์ เลสเต วาระสำคัญคือ การยกระดับการควบคุมการบริโภคยาสูบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมการบริโภคยาสูบขององค์การอนามัยโลก (FCTC) เพื่อลดและป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ เช่น มะเร็ง โดยประชากรวัยผู้ใหญ่ในภูมิภาคนี้มีอัตราสูบบุหรี่มากถึงร้อยละ 35 มีคนสูบบุหรี่ในบ้าน 250 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปีละ 1.1 ล้านคน สาเหตุหลักมาจากสูบบุหรี่ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การควบคุมการบริโภคยาสูบ คือ มาตรการเก็บภาษีบุหรี่ สถานที่สาธารณะปลอดบุหรี่ การควบคุมการโฆษณา และขยายภาพคำเตือนซองบุหรี่เป็น 85%
นพ.สุริยะ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรียังได้หยิบยกเรื่องการพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพในภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการก้าวไปสู่การมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยใช้การบูรณาการและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งนับว่าไทยประสบความสำเร็จในด้านนี้ แต่ยังต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหลังปี 2558 องค์การสหประชาชาติได้กำหนดด้านสุขภาพหลายเรื่อง เช่น การลดอัตราการตายในมารดาและทารก การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง การควบคุมการบริโภคยาสูบ การให้บริการสุขภาพถ้วนหน้า เป็นต้น
วันเดียวกัน นายปรเมษฐ์ จินา ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย แถลงข่าวพร้อมนำกล่าวปฏิญญาเพื่อแสดงพลังสนับสนุนกฎหมายบุหรี่ฉบับใหม่ ร่วมกันกว่า 10,000 คนจากทั่วประเทศ ในการประชุมวิชาการ การพัฒนายุทธศาสตร์ระบบสุขภาพระดับปฐมภูมิ “พ.ร.บ.วิชาชีพก้าวไกล นักสาธารณสุขไทยก้าวหน้า ปวงประชาสุขภาพดี หนุนกฎหมายบุหรี่ใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตคนไทย” ว่า บุหรี่ทำให้ผู้สูบในไทยเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรปีละมากกว่า 50,000 คน แต่ละปีมีเยาวชนเสพติดบุหรี่ใหม่ 200,000 คน ซึ่ง 140,000 คน จะเสพติดบุหรี่ไปตลอดชีวิต ขณะเดียวกัน บริษัทบุหรี่ได้มีวิวัฒนาการด้านการตลาด รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้ารายใหม่ที่เป็นเด็กและเยาวชน และได้พยายามแทรกแซงกระบวนการ ออกกฎหมายของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
นายปรเมษฐ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ 1. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เร่งรัดการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่ โดยรู้เท่าทันข้อมูล ข้ออ้าง ที่บิดเบือนของบริษัทบุหรี่และไม่ยินยอมให้บริษัทบุหรี่แทรกแซง ในการออกกฎหมายให้ล่าช้า 2. จะร่วมกันสนับสนุนร่าง พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ เพื่อให้ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น 3. จะร่วมกันสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินการควบคุมการบริโภคยาสูบทุกระดับ และ 4. จะร่วมมือกันส่งเสริมให้การไม่สูบบุหรี่เป็นค่านิยมและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสังคมไทย
นายธาดา วรรธนปิยกุล ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย กล่าวว่า มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัยและภาคีเครือข่าย 738 องค์กร รวมทั้ง อสม. ทั่วประเทศ ได้รวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนร่าง พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ซึ่งขณะนี้มี 12,551,775 รายชื่อ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.ย. 58) โดยตั้งเป้าหมายไว้อย่างน้อย 15 ล้านรายชื่อ และจะมีการจัดกิจกรรมรวมพลังแสดงตัวตนของคนที่ลงชื่อสนับสนุน เพื่อให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของคนไทยที่ต้องการปกป้องสังคมไทยให้ปลอดภัยจากบุหรี่ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทั้งนี้ ยังคงขอเชิญชวนคนไทยทุกคน ร่วมลงชื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมี พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ได้ที่ เครือข่ายนักขับเคลื่อนการควบคุมยาสูบระดับจังหวัด (นสค.) ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และ ที่ www.vote4tobaccolaw.com เพื่อให้ได้ 15 ล้านรายชื่อต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่