สบส.เตือนพื้นที่ภาคเหนือเผชิญฝุ่นละอองควันไฟป่า เลี่ยงสูบบุหรี่ เสี่ยงรับพิษคูณสอง ทั้งควันไฟ ควันบุหรี่ เร่งส่ง อสม.ให้ความรู้ ดูแลสุขภาพ พร้อมติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ โฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงมาตรการป้องกันผลกระทบจากปัญหาจากฝุ่นละอองควันไฟป่าขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน ในจังหวัดภาคเหนือตอนบน ซึ่งขณะนี้มีค่าเกินมาตรฐานหลายจังหวัด ว่า กรมฯ ได้ให้สำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขตประจำภาคเหนือ ขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวนกว่า 130,000 คน ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองควันไฟป่าทั้งหมด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก เร่งให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันการสูดฝุ่นละออง ควันไฟ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคถุงลมปอดอุดกั้น เพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด
“ช่วงที่มีฝุ่นละอองควันไฟป่านี้ขอเตือนประชาชนงดการสูบบุหรี่ทุกชนิด เนื่องจากจะทำให้ทั้งผู้สูบ และคนรอบข้างได้รับมลพิษเข้าสู่ร่างกาย ทั้งจากฝุ่นละอองควันไฟ และพิษจากควันบุหรี่ที่เรียกว่าพิษจากบุหรี่มือหนึ่ง มือสอง โดยในบุหรี่ 1 มวน เมื่อเกิดการเผาไหม้จะทำให้เกิดสารเคมีต่างๆ มากกว่า 7,000 ชนิด ในจำนวนนี้เป็นสารพิษก่อมะเร็งได้มากกว่า 70 ชนิด และควันบุหรี่ยังคงอันตรายในรูปของควันบุหรี่มือสามด้วย ซึ่งเป็นอนุภาคละอองไอสารเคมีจากควันบุหรี่ที่ก่อตัวจากก๊าซ จากสารอันตรายหลายชนิด สารพิษนี้จะตกค้าง และเกาะติดอยู่ตามพื้นผิวต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ผ้าม่าน พื้น พรม เบาะ และผิวหนัง กลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะสัมผัสสารนี้มากที่สุดคือ เด็กเล็ก ซึ่งเด็กจะมีโอกาสซึมซับฝุ่นละอองมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 2 เท่า เนื่องจากเด็กเล็กมักหายใจใกล้พื้นผิวสิ่งของต่างๆ หรือคลานเล่นตามพื้น เด็กอาจเลีย หรือนำสิ่งที่ปนเปื้อนละอองพิษของเข้าปากได้” นพ.ภานุวัฒน์ กล่าว
ด้านนายถาวร ขาวแสง ผอ.สบส.เขต 1 จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ช่วงนี้ได้ให้ อสม.ติดตามรายงานสถานการณ์หมอกควันอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ความรู้ และเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนที่อยู่ในความดูแลคนละ 10-15 หลังคาเรือน แนะนำให้ประชาชนงดกิจกรรมกลางแจ้งชั่วคราว กรณีที่จำเป็นต้องออกนอกบ้านให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอเปียกหมาดๆ ปิดจมูก และปาก หรือสวมหน้ากากอนามัย ให้ดื่มน้ำมากๆ น้ำจะช่วยให้ร่างกายขับฝุ่นละอองออกจากระบบทางเดินหายใจง่ายขึ้น ฝุ่นไม่สะสมในปอด และกลั้วคอด้วยน้ำสะอาดแล้วบ้วนทิ้งวันละ 3-4 ครั้ง เพื่อขับฝุ่นละอองออกจากเยื่อบุในลำคอ ช่วยให้ระบบภูมิต้านทานร่างกายทำงานดีขึ้น นอกจากนี้ ยังให้ อสม.ขอความร่วมมือประชาชนให้งดการเผาขยะ หรือวัสดุใดๆ โดยเฉพาะขยะที่เป็นพิษ เช่น พลาสติก ยางรถยนต์ และช่วยกันป้องปรามมิให้ชาวบ้านเผาหญ้า รวมทั้งงดการจุดธูปในบ้าน เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองควันไฟให้ได้มากที่สุด
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ โฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงมาตรการป้องกันผลกระทบจากปัญหาจากฝุ่นละอองควันไฟป่าขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน ในจังหวัดภาคเหนือตอนบน ซึ่งขณะนี้มีค่าเกินมาตรฐานหลายจังหวัด ว่า กรมฯ ได้ให้สำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขตประจำภาคเหนือ ขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวนกว่า 130,000 คน ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองควันไฟป่าทั้งหมด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก เร่งให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันการสูดฝุ่นละออง ควันไฟ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคถุงลมปอดอุดกั้น เพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด
“ช่วงที่มีฝุ่นละอองควันไฟป่านี้ขอเตือนประชาชนงดการสูบบุหรี่ทุกชนิด เนื่องจากจะทำให้ทั้งผู้สูบ และคนรอบข้างได้รับมลพิษเข้าสู่ร่างกาย ทั้งจากฝุ่นละอองควันไฟ และพิษจากควันบุหรี่ที่เรียกว่าพิษจากบุหรี่มือหนึ่ง มือสอง โดยในบุหรี่ 1 มวน เมื่อเกิดการเผาไหม้จะทำให้เกิดสารเคมีต่างๆ มากกว่า 7,000 ชนิด ในจำนวนนี้เป็นสารพิษก่อมะเร็งได้มากกว่า 70 ชนิด และควันบุหรี่ยังคงอันตรายในรูปของควันบุหรี่มือสามด้วย ซึ่งเป็นอนุภาคละอองไอสารเคมีจากควันบุหรี่ที่ก่อตัวจากก๊าซ จากสารอันตรายหลายชนิด สารพิษนี้จะตกค้าง และเกาะติดอยู่ตามพื้นผิวต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ผ้าม่าน พื้น พรม เบาะ และผิวหนัง กลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะสัมผัสสารนี้มากที่สุดคือ เด็กเล็ก ซึ่งเด็กจะมีโอกาสซึมซับฝุ่นละอองมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 2 เท่า เนื่องจากเด็กเล็กมักหายใจใกล้พื้นผิวสิ่งของต่างๆ หรือคลานเล่นตามพื้น เด็กอาจเลีย หรือนำสิ่งที่ปนเปื้อนละอองพิษของเข้าปากได้” นพ.ภานุวัฒน์ กล่าว
ด้านนายถาวร ขาวแสง ผอ.สบส.เขต 1 จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ช่วงนี้ได้ให้ อสม.ติดตามรายงานสถานการณ์หมอกควันอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ความรู้ และเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนที่อยู่ในความดูแลคนละ 10-15 หลังคาเรือน แนะนำให้ประชาชนงดกิจกรรมกลางแจ้งชั่วคราว กรณีที่จำเป็นต้องออกนอกบ้านให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอเปียกหมาดๆ ปิดจมูก และปาก หรือสวมหน้ากากอนามัย ให้ดื่มน้ำมากๆ น้ำจะช่วยให้ร่างกายขับฝุ่นละอองออกจากระบบทางเดินหายใจง่ายขึ้น ฝุ่นไม่สะสมในปอด และกลั้วคอด้วยน้ำสะอาดแล้วบ้วนทิ้งวันละ 3-4 ครั้ง เพื่อขับฝุ่นละอองออกจากเยื่อบุในลำคอ ช่วยให้ระบบภูมิต้านทานร่างกายทำงานดีขึ้น นอกจากนี้ ยังให้ อสม.ขอความร่วมมือประชาชนให้งดการเผาขยะ หรือวัสดุใดๆ โดยเฉพาะขยะที่เป็นพิษ เช่น พลาสติก ยางรถยนต์ และช่วยกันป้องปรามมิให้ชาวบ้านเผาหญ้า รวมทั้งงดการจุดธูปในบ้าน เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองควันไฟให้ได้มากที่สุด
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่