ระหว่างที่ดิฉันรอขึ้นเครื่องบินเพื่อกลับสุวรรณภูมิ ก็เลยถือโอกาสนวดเท้าเพื่อรอเวลา ขณะที่กำลังเพลินเชียว ก็มีชายหนุ่มวัยกลางคนเดินเข้ามาในร้านอย่างหัวเสียแล้วพูดด้วยความหงุดหงิดว่าเครียดจริง ๆ เครื่องบินไฟลต์ที่เขาจะเดินทางเกิดดีเลย์ ก็เลยมาขอนวดเท้าสักครึ่งชั่วโมง
พี่หมอนวดเดินไปหยิบอุปกรณ์มาแล้วพูดกับชายหนุ่มคนนั้นว่า “เพราะเครื่องบินดีเลย์ ก็เลยทำให้คุณได้มานวดไงคะ”
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มตอบแล้วพูดว่า “เออ ก็จริง”
ดิฉันแอบอมยิ้ม ชอบใจที่พี่หมอนวดพูดพร้อมรอยยิ้มกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ก็สามารถทำให้เขาเปลี่ยนอารมณ์ได้ในเวลาฉับพลัน
จำได้ว่าครั้งหนึ่งดิฉันกับครอบครัวก็เคยประสบปัญหาเดียวกันแต่หนักกว่า เนื่องจากเครื่องบินดีเลย์ และดิฉันกับครอบครัวต้องไปต่อเครื่องที่ฮ่องกงเพื่อกลับเมืองไทย แต่ปรากฏว่าเครื่องบินดีเลย์ทำให้ไปต่อเครื่องไม่ทัน และต้องนอนพักค้างที่ฮ่องกง
ทีแรกครอบครัวเราค่อนข้างหัวเสีย โดยเฉพาะดิฉันและสามีที่มีงานรออยู่เพียบในวันรุ่งขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็เลยต้องทำใจ แต่ก็ไม่ใช่หยุดเพียงแค่ทำใจเท่านั้นค่ะ
แต่..เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ด้วยว่าโชคดีเหมือนกันที่ได้อยู่กับครอบครัวเพิ่มอีกหนึ่งวัน แถมยังได้นอนโรงแรมหรูที่ทางสายการบินจัดการให้ และก็แก้ปัญหางานของวันรุ่งขึ้นไปตามสภาพ
สุดท้ายก็กลายเป็นช่วงเวลาความสุขของครอบครัวอีกวัน และจนทุกวันนี้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น พวกเราก็จะยิ้มและหัวเราะกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และกลายเป็นประสบการณ์ชีวิตอีกต่างหาก
หลายครั้งในชีวิตที่คนเรามักเจอะเจออุปสรรคได้ตลอด แต่เมื่อเจอแล้วจะแก้ไขปัญหาอย่างไรนั่นเรื่องหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่วิธีการของแต่ละคน ประสบผลสำเร็จได้บ้าง ล้มเหลวบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่สิ่งสำคัญก่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ก็คือ การมีวิธีคิดอย่างไร?
เพราะการมีวิธีคิดอย่างไร ก็อาจเป็นอีกวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหาได้ หรือบางครั้งการเปลี่ยนวิธีคิด ก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้ด้วยเหมือนกัน
ถ้าวิธีคิดแบบท้อแท้ ไม่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ ซึ่งเป็นวิธีคิดลบ ก็ทำให้เรามองไม่เห็นทางออก หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
ในทางตรงกันข้าม พอเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ คิดว่าสามารถจัดการปัญหาได้แน่ หรือคิดบวก ก็อาจมองเห็นทางออกได้อย่างไม่น่าเชื่อก็มี
นั่นหมายความว่า “วิธีคิด” สัมพันธ์กับ “การกระทำ” ของคนเรา
แล้วถ้าเด็กได้รับการฝึกให้คิดบวกตั้งแต่เล็ก โตขึ้นเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่แบบไหนล่ะ? เป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมจะเผชิญปัญหา และแก้ไขปัญหาด้วยวิธีคิดบวกใช่หรือไม่ !
ดิฉันมีเทคนิคฝึกลูกให้มี “วิธีคิดบวก” มาฝากพ่อแม่ค่ะ
หนึ่ง - ฝึกนิสัยให้เป็นคนยืดหยุ่น
พ่อแม่ต้องเริ่มจากฝึกตัวเองก่อน เปลี่ยนความคิดที่ทุกอย่างต้องเป๊ะ มาเป็นคิดยืดหยุ่นบ้าง จากนั้นก็ฝึกกับลูก อย่าสร้างความคาดหวังจากตัวเองและจากลูกมากจนเกินไป บางครั้งลูกอาจทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก็พยายามหาทางยืดหยุ่นให้ลูกด้วย การเป็นแบบอย่างจะช่วยทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้น
สอง - อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
ความกังวลและความกลัวเป็นอุปสรรคที่ทำให้เรามองโลกในแง่ร้าย หรือคิดลบ ทั้งที่ความจริงอาจจะไม่เกิดตามที่เราคิดกังวลก็ได้ ดังนั้น ควรเปลี่ยนความคิดของตัวเองให้ปล่อยวางกับเรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด สิ่งที่ควรบอกลูกก็คือ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ขอให้เราพร้อมรับทุกสถานการณ์ได้อย่างมีสติ และค่อย ๆ แก้ปัญหากันไป
สาม - ยิ้มให้ง่าย หัวเราะให้บ่อย
การยิ้มและหัวเราะเป็นสิ่งที่ง่ายและไม่ต้องใช้เงินใช้ทองในการซื้อหา เพียงแค่รอยยิ้มก็สามารถทำให้บรรยากาศรอบข้างมีความสุขขึ้นมาได้ ใครๆก็ชอบคนที่มีรอยยิ้ม แต่ก็น่าแปลกที่ตอนเป็นเด็กมักยิ้มง่าย แต่พอยิ่งโตกลับยิ้มยากขึ้นทุกที ฉะนั้น พ่อแม่ควรพยายามทำให้ลูกอยู่กับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ติดตัวเขาไปตลอดจนโต
สี่ - คิดหลาย ๆ แง่มุม
เวลามีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง อาจฝึกลูกว่าสามารถมองได้หลายมุม และหากมีเรื่องให้ตัดสินใจก็มีหลากหลายวิธี และพยายามอธิบายว่าการมองหลาย ๆ มุม หรือตัดสินใจทางใด จะมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ โดยพยายามใส่ทัศนคติที่ดี หรือวิธีคิดที่เป็นบวก เมื่อฝึกบ่อย ๆ ก็จะติดตัวเขาไปด้วย
ห้า - ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง
สิ่งนี้สำคัญมากที่พ่อแม่ควรฝึกลูกตั้งแต่เล็ก ซึ่งสืบเนื่องมาจากการคิดหลากหลายแง่มุม สอนให้เขาเรียนรู้ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน คิดแตกต่างกันได้ แต่ควรจะยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เพราะการรับฟังความคิดเห็นที่ต่างกัน จะทำให้เราเรียนรู้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจตัวเองและคนอื่นมากขึ้นด้วย
หก - ฝึกให้เผชิญปัญหาเอง
อย่ากลัวว่าจะเห็นลูกผิดหวัง หรือล้มเหลว เพราะบทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อลูกโตขึ้น เพียงแต่พ่อแม่คอยเป็นผู้ให้คําแนะนํา และท้ายสุดก็จะทำให้ลูกเชื่อมั่นในตนเองอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าปราศจากความสม่ำเสมอ เพราะสิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ หล่อหลอมให้ติดตัวและมีทัศนคติที่ดีต่อตัวเองและผู้อื่น ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการมีทักษะที่ดีในด้านอื่นๆ รวมไปถึงวิธีคิดด้วย
หลายเรื่องหลายคราที่เราพบเจอปัญหาหรืออุปสรรคและก้าวข้ามมันไปไม่ได้สักที ลองหยุดนิ่งและลองตั้งสติ จากนั้นลองเปลี่ยนวิธีคิด แล้วคุณอาจจะพบว่า มันทำให้ชีวิตเปลี่ยนก็ได้ค่ะ
พี่หมอนวดเดินไปหยิบอุปกรณ์มาแล้วพูดกับชายหนุ่มคนนั้นว่า “เพราะเครื่องบินดีเลย์ ก็เลยทำให้คุณได้มานวดไงคะ”
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มตอบแล้วพูดว่า “เออ ก็จริง”
ดิฉันแอบอมยิ้ม ชอบใจที่พี่หมอนวดพูดพร้อมรอยยิ้มกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ก็สามารถทำให้เขาเปลี่ยนอารมณ์ได้ในเวลาฉับพลัน
จำได้ว่าครั้งหนึ่งดิฉันกับครอบครัวก็เคยประสบปัญหาเดียวกันแต่หนักกว่า เนื่องจากเครื่องบินดีเลย์ และดิฉันกับครอบครัวต้องไปต่อเครื่องที่ฮ่องกงเพื่อกลับเมืองไทย แต่ปรากฏว่าเครื่องบินดีเลย์ทำให้ไปต่อเครื่องไม่ทัน และต้องนอนพักค้างที่ฮ่องกง
ทีแรกครอบครัวเราค่อนข้างหัวเสีย โดยเฉพาะดิฉันและสามีที่มีงานรออยู่เพียบในวันรุ่งขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็เลยต้องทำใจ แต่ก็ไม่ใช่หยุดเพียงแค่ทำใจเท่านั้นค่ะ
แต่..เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ด้วยว่าโชคดีเหมือนกันที่ได้อยู่กับครอบครัวเพิ่มอีกหนึ่งวัน แถมยังได้นอนโรงแรมหรูที่ทางสายการบินจัดการให้ และก็แก้ปัญหางานของวันรุ่งขึ้นไปตามสภาพ
สุดท้ายก็กลายเป็นช่วงเวลาความสุขของครอบครัวอีกวัน และจนทุกวันนี้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น พวกเราก็จะยิ้มและหัวเราะกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และกลายเป็นประสบการณ์ชีวิตอีกต่างหาก
หลายครั้งในชีวิตที่คนเรามักเจอะเจออุปสรรคได้ตลอด แต่เมื่อเจอแล้วจะแก้ไขปัญหาอย่างไรนั่นเรื่องหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่วิธีการของแต่ละคน ประสบผลสำเร็จได้บ้าง ล้มเหลวบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่สิ่งสำคัญก่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ก็คือ การมีวิธีคิดอย่างไร?
เพราะการมีวิธีคิดอย่างไร ก็อาจเป็นอีกวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหาได้ หรือบางครั้งการเปลี่ยนวิธีคิด ก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้ด้วยเหมือนกัน
ถ้าวิธีคิดแบบท้อแท้ ไม่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ ซึ่งเป็นวิธีคิดลบ ก็ทำให้เรามองไม่เห็นทางออก หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
ในทางตรงกันข้าม พอเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ คิดว่าสามารถจัดการปัญหาได้แน่ หรือคิดบวก ก็อาจมองเห็นทางออกได้อย่างไม่น่าเชื่อก็มี
นั่นหมายความว่า “วิธีคิด” สัมพันธ์กับ “การกระทำ” ของคนเรา
แล้วถ้าเด็กได้รับการฝึกให้คิดบวกตั้งแต่เล็ก โตขึ้นเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่แบบไหนล่ะ? เป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมจะเผชิญปัญหา และแก้ไขปัญหาด้วยวิธีคิดบวกใช่หรือไม่ !
ดิฉันมีเทคนิคฝึกลูกให้มี “วิธีคิดบวก” มาฝากพ่อแม่ค่ะ
หนึ่ง - ฝึกนิสัยให้เป็นคนยืดหยุ่น
พ่อแม่ต้องเริ่มจากฝึกตัวเองก่อน เปลี่ยนความคิดที่ทุกอย่างต้องเป๊ะ มาเป็นคิดยืดหยุ่นบ้าง จากนั้นก็ฝึกกับลูก อย่าสร้างความคาดหวังจากตัวเองและจากลูกมากจนเกินไป บางครั้งลูกอาจทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก็พยายามหาทางยืดหยุ่นให้ลูกด้วย การเป็นแบบอย่างจะช่วยทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้น
สอง - อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
ความกังวลและความกลัวเป็นอุปสรรคที่ทำให้เรามองโลกในแง่ร้าย หรือคิดลบ ทั้งที่ความจริงอาจจะไม่เกิดตามที่เราคิดกังวลก็ได้ ดังนั้น ควรเปลี่ยนความคิดของตัวเองให้ปล่อยวางกับเรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด สิ่งที่ควรบอกลูกก็คือ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ขอให้เราพร้อมรับทุกสถานการณ์ได้อย่างมีสติ และค่อย ๆ แก้ปัญหากันไป
สาม - ยิ้มให้ง่าย หัวเราะให้บ่อย
การยิ้มและหัวเราะเป็นสิ่งที่ง่ายและไม่ต้องใช้เงินใช้ทองในการซื้อหา เพียงแค่รอยยิ้มก็สามารถทำให้บรรยากาศรอบข้างมีความสุขขึ้นมาได้ ใครๆก็ชอบคนที่มีรอยยิ้ม แต่ก็น่าแปลกที่ตอนเป็นเด็กมักยิ้มง่าย แต่พอยิ่งโตกลับยิ้มยากขึ้นทุกที ฉะนั้น พ่อแม่ควรพยายามทำให้ลูกอยู่กับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ติดตัวเขาไปตลอดจนโต
สี่ - คิดหลาย ๆ แง่มุม
เวลามีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง อาจฝึกลูกว่าสามารถมองได้หลายมุม และหากมีเรื่องให้ตัดสินใจก็มีหลากหลายวิธี และพยายามอธิบายว่าการมองหลาย ๆ มุม หรือตัดสินใจทางใด จะมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ โดยพยายามใส่ทัศนคติที่ดี หรือวิธีคิดที่เป็นบวก เมื่อฝึกบ่อย ๆ ก็จะติดตัวเขาไปด้วย
ห้า - ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง
สิ่งนี้สำคัญมากที่พ่อแม่ควรฝึกลูกตั้งแต่เล็ก ซึ่งสืบเนื่องมาจากการคิดหลากหลายแง่มุม สอนให้เขาเรียนรู้ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน คิดแตกต่างกันได้ แต่ควรจะยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เพราะการรับฟังความคิดเห็นที่ต่างกัน จะทำให้เราเรียนรู้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจตัวเองและคนอื่นมากขึ้นด้วย
หก - ฝึกให้เผชิญปัญหาเอง
อย่ากลัวว่าจะเห็นลูกผิดหวัง หรือล้มเหลว เพราะบทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อลูกโตขึ้น เพียงแต่พ่อแม่คอยเป็นผู้ให้คําแนะนํา และท้ายสุดก็จะทำให้ลูกเชื่อมั่นในตนเองอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าปราศจากความสม่ำเสมอ เพราะสิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ หล่อหลอมให้ติดตัวและมีทัศนคติที่ดีต่อตัวเองและผู้อื่น ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการมีทักษะที่ดีในด้านอื่นๆ รวมไปถึงวิธีคิดด้วย
หลายเรื่องหลายคราที่เราพบเจอปัญหาหรืออุปสรรคและก้าวข้ามมันไปไม่ได้สักที ลองหยุดนิ่งและลองตั้งสติ จากนั้นลองเปลี่ยนวิธีคิด แล้วคุณอาจจะพบว่า มันทำให้ชีวิตเปลี่ยนก็ได้ค่ะ