กิจกรรมวาเลนไทน์ ชูแนวคิด “อย่าให้รักกลายเป็นร้าย” สะท้อนปัญหาอบายมุข - ความรุนแรงทำลายชีวิตรัก - ครอบครัว แนะมีรักต้องมีสติ รอบคอบ ด้านแม่วัยใสเปิดใจ รักพังเพราะความรุนแรง อดทนสู้ชีวิตเพื่อลูก
วันนี้ (11 ก.พ.) มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)จัดกิจกรรม รณรงค์เนื่องในโอกาสวันวาเลนไทน์ 2559 ภายใต้แนวคิด “อย่าให้รักกลายเป็นร้าย?” ภายในงานมีการแสดงละครสะท้อนปัญหาวัยรุ่นชุด “อะไร...ทำคนรักเป็นคนร้าย”
นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี แม่วัยใสผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรง เล่าประสบการณ์ชีวิตผ่านเวทีเสวนาหัวข้อ “อย่าให้รักกลายเป็นร้าย” ว่า เริ่มคบหากับอดีตแฟนมาประมาณ 1 ปี ช่วงแรก ๆ ที่คบกันฝ่ายชายรัก และให้เกียรติเอาใจใส่เป็นอย่างดี พอช่วงหลังเริ่มมีปากเสียงรุนแรง หึงหวง กล่าวหาว่าตนจะไปมีแฟนใหม่ อีกทั้งเมื่อทะเลาะกันมักมีคนในครอบครัวฝ่ายชาย คอยพูดจาเสียดสีมีอคติ แต่เพราะคำว่ารัก อยากสร้างชีวิตคู่สร้างอนาคตไปด้วยกัน จึงต้องอดทนแม้จะทะเลาะกัน หรือทำร้ายร่างกายรุนแรง แต่ถ้าเขามาง้อและขอโทษก็ ใจอ่อนหายโกรธ
นางสาวเอ กล่าวว่า จากการทำร้ายร่างกายที่รุนแรงจนรับไม่ไหว ทั้งตบตี ชกต่อย ใช้มีดจี้คอ ผลักให้รถชน เหตุการณ์ล่าสุดถูกเตะเข้าที่ท้องอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล จากนั้นหมอจึงแจ้งว่ากำลังตั้งครรภ์ ก็รู้สึกตกใจทำอะไรไม่ถูก และฝ่ายชายรับทราบ แต่ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คือ ทำร้ายร่างกายเหมือนเดิม จึงเป็นเหตุให้ต้องแยกทางกัน และปัจจุบันเลิกกับอดีตแฟนกว่า 2 ปี ตอนนี้ต้องทำหน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงดูลูกสาววัย1ขวบด้วยตนเอง ตั้งแต่ช่วงที่ท้องจนถึงปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตนเป็นคนหาเอง โดยรับขนมมาขาย ยังโชคดีที่ได้รับคำแนะนำเสริมสร้างพลังใจจากมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมทั้งช่วยติดตามคดีกระทำด้วยความรุนแรง กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“หนูผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายและลุกขึ้นมาเผชิญชีวิตใหม่ได้ และลูกก็เป็นพลังใจสำคัญให้สู้และอดทนกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ หนูไม่เคยคิดที่จะทำแท้ง คิดเสมอว่าสามารถเลี้ยงลูกเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งอดีตแฟน แต่ที่ยังเสียใจจนทุกวันนี้ คือ หนูเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวพ่อแม่คาดหวังว่าโตขึ้นจะเลี้ยงดูแลพ่อแม่ได้ แต่ความหวังของพ่อแม่ก็พังลง เพราะความรักวัยรุ่นที่ไม่พร้อมไม่ศึกษานิสัยใจคอกันให้ดี และสิ่งนี้จะเป็นบทเรียนชีวิตให้กับหนู ซึ่งขอฝากแง่คิดกับทุกคนว่าความรักมีได้แต่ต้องมีสติขอให้คิดถึงอนาคตคิดถึงคนในครอบครัว” นางสาวเอ กล่าว
นางสว่าง พงพันธ์ พนักงานเอกชนแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ สามีติดการพนันมาก จากที่ครอบครัวเราอบอุ่นมีลูกที่น่ารักเคยมีเงินเหลือเก็บมีทรัพย์สิน แต่ก็ต้องหมดไปเพราะการพนันรวมแล้วหลายแสนบาท และเมื่อสามีเส้นเลือดในสมองแตกกลายเป็นอัมพฤกษ์ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตนก็ต้องเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้าน และรับภาระทั้งป้อนข้าวเปลี่ยนแพมเพิส ยิ่งช่วงไปหาหมอหรือไม่สบายหนักๆก็ต้องลางาน ยังโชคดีที่บริษัทที่ทำงานเขาเข้าใจ
“ตอนนี้ทั้งเครียด ท้อ มีแต่ปัญหาเข้ามาในชีวิต ครอบครัวต้องพังไปกับการพนัน ค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ ไม่มีโอกาสทำสิ่งที่อยากทำ ขนาดตนเองป่วยเป็นกระดูกทับเส้นยังต้องทานยาเพื่อบรรเทาอาการ เพราะไม่มีเงินไปผ่าตัดรักษา อยากฝากให้ทุกครอบครัวไว้เป็นบทเรียน อย่าไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันเพราะมันจะทำลายทุกสิ่ง มันทำให้คนที่เรารักทเรื่องเลวร้ายได้สารพัด” นางสว่าง กล่าว
นางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากข้อมูลปี 2557 ที่มูลนิธิฯสำรวจสถิติความรุนแรงในคู่รักวัยรุ่นหญิง ยังพบสถานการณ์น่าเป็นห่วง เนื่องจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นมากที่สุดยังคงเกิดจากตนเอง เพื่อน คนรู้จัก สาเหตุมาจากเจ้าชู้ คบหลายคน นอกใจ การดุด่า หึงหวง ใช้คำหยาบคายส่งเสียงดัง ตามด้วยทำลายข้าวของ ทำร้ายร่างกาย และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนเหตุผลที่ผู้หญิงอดทน คือ ทนเพราะรัก ไม่กล้าบอกใคร กลัวพ่อแม่/ผู้ปกครองรู้ กลัวถูกทำร้ายซ้ำ และจากการเก็บสถิติที่มีผู้มาขอรับคำปรึกษาจากมูลนิธิฯเมื่อปีที่ผ่านมามีสูงถึง 151 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 21 - 30 ปี รองลงมาอายุไม่เกิน 20 ปี นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลของสำนักการแพทย์ กรุงเทพฯ มีผู้หญิงที่ถูกทำร้ายร่างกายสูงถึง 1,251 คน อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการกระทำด้วยความรุนแรงยังส่งผลให้เกิดปัญหาในกลุ่มเยาวชน ทำให้ไม่ได้รับการศึกษาต่อ ขาดโอกาสพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ
“การให้ความหมายของวันวาเลนไทน์แบบใหม่ ไม่ควรเน้นเฉพาะความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น ควรรักตนเอง คนรอบข้าง ครอบครัว เพื่อน ทั้งนี้ ความรุนแรงของคู่รักวัยรุ่นป้องกันได้ด้วยการตั้งสติ รอบคอบ อย่าใช้อารมณ์ ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ออกจากพื้นที่เกิดเหตุ รวมถึงขอรับการช่วยเหลือ อย่าเก็บเรื่องไว้คนเดียว หลีกเลี่ยงการดื่มหรือเสพของมึนเมาทุกชนิด ซึ่งทำให้ขาดสติและเพิ่มดีกรีความรุนแรง นอกจากนี้ ต้องเคารพในสิทธิความเป็นมนุษย์ ที่สำคัญ สังคมต้องปรับเปลี่ยน มายาคติความเชื่อแบบชายเป็นใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากวัยรุ่นต้องเผชิญสถานการณ์เลวร้ายสามารถขอคำปรึกษาและการช่วยเหลือได้ที่ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล โทร. 0-2513-2889 ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ คนรอบข้าง ซึ่งต้องเข้าใจและเอาธุระไม่วางเฉย จับสัญญาณขอความช่วยเหลือให้ดี ๆ รับฟัง ให้กำลังใจและร่วมกันหาทางออกอย่างมีสติ” นางสาวอังคณา กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่