สธ. ชูระบบการแพทย์ฉุกเฉินอุบลราชธานี ผนึกกำลังรวมท้องถิ่น รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ประสาน จ่ายงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานบริการการแพทย์ฉุกเฉินโครงการกู้ชีพเฉลิมราชย์ 60 ปี จ.อุบลราชธานี ว่า สธ. ได้เร่งพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยเน้นระบบการแพทย์ฉุกเฉินนอกโรงพยาบาล ให้มีทีมแพทย์กู้ชีพออกไปช่วยเหลือผู้ป่วยในที่เกิดเหตุ หรือที่บ้าน เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือด้วยวิธีที่ถูกต้องก่อนนำส่งต่อไปยังโรงพยาบาล สำหรับระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน จ.อุบลราชธานี ดำเนินการโดยสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เป็นแหล่งรวมศูนย์รับแจ้งเหตุทุกประเภท ตั้งแต่การเจ็บป่วยฉุกเฉิน อุบัติเหตุ อุบัติภัย และภัยพิบัติ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีจะทำหน้าที่เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ จ่ายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานีจะทำหน้าที่พัฒนาระบบและควบคุม กำกับ ตรวจสอบมาตรฐานการปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน จดทะเบียนทีมปฏิบัติการ ซึ่งสามารถทำได้ครอบคลุมทั้งจังหวัด จนได้รับการยอมรับจากประชาชน
“หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุ สามารถติดต่อได้ที่ 1669 หมายเลขเดียว ซึ่งพร้อมให้บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง มีสายโทรศัพท์ 50 คู่สาย วิทยุสื่อสาร 5 ระบบ มีหน่วยบริการรถกู้ชีพที่มีระบบดาวเทียมนำทาง 220 คัน มีชุดปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินสังกัดกระทรวงสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิและหน่วยงานอื่น 212 ชุด กระจายอยู่ครบทุกตำบล รับผิดชอบชีวิตประชาชนกว่า 1.8 ล้านคน เฉลี่ย 8,000 คนต่อ 1 หน่วยกู้ชีพ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 400 ครั้ง ซึ่ง 3 ใน 4 เป็นผู้ใช้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน เน้นให้ปฏิบัติการกู้ชีพขั้นต้น นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมในการรับมือปัญหาสาธารณภัยต่าง ๆ ทั้งอัคคีภัยในอาคารสูง อุบัติเหตุหมู่ อุบัติเหตุทางน้ำ โดยตั้งทีมมินิเมิร์ทที่เป็นสหวิชาชีพ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตำรวจ มูลนิธิ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเตรียมพร้อมด้านวัสดุอุปกรณ์ เช่น เรือ - รถกู้ชีพ เวชภัณฑ์ฉุกเฉิน เสื้อชูชีพ รองเท้าบูต อุปกรณ์ยังชีพ วิทยุสื่อสาร รถบรรทุก ไว้ใช้ยามเกิดเหตุฉุกเฉินอีกด้วย” รมว.สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานบริการการแพทย์ฉุกเฉินโครงการกู้ชีพเฉลิมราชย์ 60 ปี จ.อุบลราชธานี ว่า สธ. ได้เร่งพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยเน้นระบบการแพทย์ฉุกเฉินนอกโรงพยาบาล ให้มีทีมแพทย์กู้ชีพออกไปช่วยเหลือผู้ป่วยในที่เกิดเหตุ หรือที่บ้าน เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือด้วยวิธีที่ถูกต้องก่อนนำส่งต่อไปยังโรงพยาบาล สำหรับระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน จ.อุบลราชธานี ดำเนินการโดยสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เป็นแหล่งรวมศูนย์รับแจ้งเหตุทุกประเภท ตั้งแต่การเจ็บป่วยฉุกเฉิน อุบัติเหตุ อุบัติภัย และภัยพิบัติ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีจะทำหน้าที่เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ จ่ายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานีจะทำหน้าที่พัฒนาระบบและควบคุม กำกับ ตรวจสอบมาตรฐานการปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน จดทะเบียนทีมปฏิบัติการ ซึ่งสามารถทำได้ครอบคลุมทั้งจังหวัด จนได้รับการยอมรับจากประชาชน
“หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุ สามารถติดต่อได้ที่ 1669 หมายเลขเดียว ซึ่งพร้อมให้บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง มีสายโทรศัพท์ 50 คู่สาย วิทยุสื่อสาร 5 ระบบ มีหน่วยบริการรถกู้ชีพที่มีระบบดาวเทียมนำทาง 220 คัน มีชุดปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินสังกัดกระทรวงสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิและหน่วยงานอื่น 212 ชุด กระจายอยู่ครบทุกตำบล รับผิดชอบชีวิตประชาชนกว่า 1.8 ล้านคน เฉลี่ย 8,000 คนต่อ 1 หน่วยกู้ชีพ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 400 ครั้ง ซึ่ง 3 ใน 4 เป็นผู้ใช้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน เน้นให้ปฏิบัติการกู้ชีพขั้นต้น นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมในการรับมือปัญหาสาธารณภัยต่าง ๆ ทั้งอัคคีภัยในอาคารสูง อุบัติเหตุหมู่ อุบัติเหตุทางน้ำ โดยตั้งทีมมินิเมิร์ทที่เป็นสหวิชาชีพ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตำรวจ มูลนิธิ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเตรียมพร้อมด้านวัสดุอุปกรณ์ เช่น เรือ - รถกู้ชีพ เวชภัณฑ์ฉุกเฉิน เสื้อชูชีพ รองเท้าบูต อุปกรณ์ยังชีพ วิทยุสื่อสาร รถบรรทุก ไว้ใช้ยามเกิดเหตุฉุกเฉินอีกด้วย” รมว.สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่