สธ. ทำแผนกำจัด “มาลาเรีย” ตั้งเป้าทุกอำเภอปลอดเชื้อติดต่อกัน 3 ปี ภายในปี 2567 เร่งกำจัดเชื้อดื้อยาในพื้นที่ 6 จังหวัดชายแดน ค้นหาผู้ป่วยเข้ารักษารวดเร็ว ตัดวงจรแพร่ระบาด ชงบอร์ดกำจัดมาลาเรียแห่งชาติใน ก.พ. ก่อนเสนอ ครม. ต่อไป
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเพื่อยุติปัญหาโรคมาลาเรียของประเทศไทย ว่า สธ. ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์กำจัดโรคมาลาเรีย ระยะ 10 ปี พ.ศ. 2560 - 2569 วงเงินงบประมาณ 2,280 ล้านบาท มียุทธศาสตร์ 4 ข้อ คือ 1. เร่งรัดกำจัดการแพร่เชื้อในประเทศไทย ไม่ให้มีผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่ เน้นระบบเฝ้าระวัง ค้นหารวดเร็ว รักษาเร็ว และกำจัดเชื้อดื้อยา 2. พัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม มาตรการ และรูปแบบในการกำจัดโรคไข้มาลาเรียที่เหมาะสมกับพื้นที่ 3. สร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายระดับประเทศและนานาชาติ ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อเนื่อง ยั่งยืน และ 4.ส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพในการดูแลตนเองจากโรคไข้มาลาเรีย ตั้งเป้าให้ทุกอำเภอของประเทศไทยไม่มีการแพร่เชื้อมาลาเรียในพื้นที่ติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปี ภายในปี 2567 โดยผ่านความเห็นชอบในหลักการจากคณะกรรมการบริหารกำจัดมาลาเรียแห่งชาติ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำจัดมาลาเรียแห่งชาติ ซึ่งมี พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ใน ก.พ. 2559 ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีใน มี.ค. 2559
ด้าน นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคมาลาเรียได้อย่างน่าพอใจ ผู้ป่วยลดน้อยลงเป็นลำดับ ข้อมูลตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 - 7 มกราคม 2559 ผู้ป่วย 20,400 ราย ลดลงจากปี 2557 ร้อยละ 36 ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 13,663 ราย ต่างชาติ 8,951 ราย และผู้อพยพในศูนย์พักพิงชั่วคราว 1,414 ราย ปัญหาใหม่ที่ต้องเร่งจัดการ คือ กำจัดเชื้อดื้อยาอาร์ติมิซินินที่ใช้ในการรักษา ซึ่งพบในจังหวัดตามแนวชายแดน 6 จังหวัด ได้แก่ ตาก กาญจนบุรี ระยอง สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตราด ทำให้การรักษายุ่งยากขึ้น ใช้เวลาในการรักษานานขึ้น ค่าใช้จ่ายในการรักษาเพิ่มขึ้น 7 - 8 เท่าตัว อีกทั้งลักษณะการแพร่ระบาดของแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกัน จึงต้องใช้มาตรการที่เหมาะสมกับพื้นที่ และเพิ่มการเข้าถึงของประชากรกลุ่มเสี่ยง เน้นหนักการค้นหาผู้ติดเชื้อให้พบโดยเร็ว และนำมารับการรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรค โดยมีอำเภอที่มีการแพร่เชื้อสูง 50 อำเภอ ที่มีการแพร่เชื้อต่ำ 198 อำเภอ อำเภอที่ไม่มีการแพร่เชื้ออย่างน้อย 1 ปี แต่ยังไม่ครบ 3 ปี 48 อำเภอ และอำเภอที่ไม่มีการแพร่เชื้ออย่างน้อย 3 ปี 632 อำเภอ
ทั้งนี้ เชื้อมาลาเรียในคนมี 5 ชนิด เชื้อที่พบในไทยส่วนใหญ่เป็นชนิดฟัลซิปารัม ซึ่งมีความรุนแรงสูง และ ไวแวกซ์ บางรายอาจติดเชื้อมาลาเรียมากกว่า 1 ชนิดพร้อมกัน การแพร่กระจายของผู้ป่วยมาลาเรียจะพบมากบริเวณป่าเขาชายแดนของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณชายแดน ไทย - พม่า ไทย - ลาว และ ไทย - กัมพูชา 5 จังหวัดที่พบผู้ป่วยสูง คือ อุบลราชธานี ตาก ศรีสะเกษ ปราจีนบุรี กาญจนบุรี และ ยะลา คิดเป็นร้อยละ 50 ของผู้ป่วยที่พบทั้งประเทศ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเพื่อยุติปัญหาโรคมาลาเรียของประเทศไทย ว่า สธ. ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์กำจัดโรคมาลาเรีย ระยะ 10 ปี พ.ศ. 2560 - 2569 วงเงินงบประมาณ 2,280 ล้านบาท มียุทธศาสตร์ 4 ข้อ คือ 1. เร่งรัดกำจัดการแพร่เชื้อในประเทศไทย ไม่ให้มีผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่ เน้นระบบเฝ้าระวัง ค้นหารวดเร็ว รักษาเร็ว และกำจัดเชื้อดื้อยา 2. พัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม มาตรการ และรูปแบบในการกำจัดโรคไข้มาลาเรียที่เหมาะสมกับพื้นที่ 3. สร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายระดับประเทศและนานาชาติ ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อเนื่อง ยั่งยืน และ 4.ส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพในการดูแลตนเองจากโรคไข้มาลาเรีย ตั้งเป้าให้ทุกอำเภอของประเทศไทยไม่มีการแพร่เชื้อมาลาเรียในพื้นที่ติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปี ภายในปี 2567 โดยผ่านความเห็นชอบในหลักการจากคณะกรรมการบริหารกำจัดมาลาเรียแห่งชาติ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำจัดมาลาเรียแห่งชาติ ซึ่งมี พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ใน ก.พ. 2559 ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีใน มี.ค. 2559
ด้าน นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคมาลาเรียได้อย่างน่าพอใจ ผู้ป่วยลดน้อยลงเป็นลำดับ ข้อมูลตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 - 7 มกราคม 2559 ผู้ป่วย 20,400 ราย ลดลงจากปี 2557 ร้อยละ 36 ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 13,663 ราย ต่างชาติ 8,951 ราย และผู้อพยพในศูนย์พักพิงชั่วคราว 1,414 ราย ปัญหาใหม่ที่ต้องเร่งจัดการ คือ กำจัดเชื้อดื้อยาอาร์ติมิซินินที่ใช้ในการรักษา ซึ่งพบในจังหวัดตามแนวชายแดน 6 จังหวัด ได้แก่ ตาก กาญจนบุรี ระยอง สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตราด ทำให้การรักษายุ่งยากขึ้น ใช้เวลาในการรักษานานขึ้น ค่าใช้จ่ายในการรักษาเพิ่มขึ้น 7 - 8 เท่าตัว อีกทั้งลักษณะการแพร่ระบาดของแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกัน จึงต้องใช้มาตรการที่เหมาะสมกับพื้นที่ และเพิ่มการเข้าถึงของประชากรกลุ่มเสี่ยง เน้นหนักการค้นหาผู้ติดเชื้อให้พบโดยเร็ว และนำมารับการรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรค โดยมีอำเภอที่มีการแพร่เชื้อสูง 50 อำเภอ ที่มีการแพร่เชื้อต่ำ 198 อำเภอ อำเภอที่ไม่มีการแพร่เชื้ออย่างน้อย 1 ปี แต่ยังไม่ครบ 3 ปี 48 อำเภอ และอำเภอที่ไม่มีการแพร่เชื้ออย่างน้อย 3 ปี 632 อำเภอ
ทั้งนี้ เชื้อมาลาเรียในคนมี 5 ชนิด เชื้อที่พบในไทยส่วนใหญ่เป็นชนิดฟัลซิปารัม ซึ่งมีความรุนแรงสูง และ ไวแวกซ์ บางรายอาจติดเชื้อมาลาเรียมากกว่า 1 ชนิดพร้อมกัน การแพร่กระจายของผู้ป่วยมาลาเรียจะพบมากบริเวณป่าเขาชายแดนของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณชายแดน ไทย - พม่า ไทย - ลาว และ ไทย - กัมพูชา 5 จังหวัดที่พบผู้ป่วยสูง คือ อุบลราชธานี ตาก ศรีสะเกษ ปราจีนบุรี กาญจนบุรี และ ยะลา คิดเป็นร้อยละ 50 ของผู้ป่วยที่พบทั้งประเทศ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่