“บิ๊กตู่” เป็นประธานวันครู ร่วมไหว้ครูสอนตอน ม.2 รับปากช่วยแก้ปัญหาครู ชี้ ครูไม่ใช่เรือจ้าง ต้องเป็นแพยนต์ขนาดใหญ่ร่วมพัฒนาการศึกษา ฝากครูปลูกฝังเด็กมีวินัย เคารพกฎหมาย จิตสาธารณะ เพิ่มสอบอัตนัยช่วยเด็กคิดเป็น ระบุนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ครูต้องเพิ่มเวลาสอนด้วย ด้านผู้ตรวจฯ ศธ. ยื่น 5 ข้อพัฒนาวิชาชีพครู
วันนี้ (16 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่หอประชุมคุรุสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีงานวันครู ครั้งที่ 60 พ.ศ.2559 จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกับคุรุสภา ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมพิธีคารวะครูผู้สอนเมื่อครั้งศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดนวลนรดิศ 2 ท่าน ได้แก่ นายเจริญ ทั่งทอง อายุ 78 ปี สอนวิชาคณิตศาสตร์ และนางธานี คุ้มชนะ อายุ 75 ปี สอนวิชาสังคมศึกษา จากนั้นได้ถวายโล่รางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติแก่ พระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี) และพระครูปลัดสุวัฒนบัณฑิต (พระมหาไพเราะ ฐิตสีโล) เจ้าคณะอำเภอป่าโมก เจ้าอาวาสวัดสระแก้ว จังหวัดอ่างทอง และมอบโล่รางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ และรางวัลคุรุสภา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันครูเป็นวันของประเทศชาติ ตนจะทำให้ทุกวันเป็นวันครูในใจทุกคน ทั้งครู ผู้บริหาร รัฐบาลและนายกฯ ทุกคนต่อจากนี้ไป เพราะครูเป็นผู้ที่ทำให้การศึกษา เศรษฐกิจและประเทศชาติดีขึ้น ส่วนปัญหาต่าง ๆ ของครู ตนรับที่จะดำเนินการแก้ไขให้ดีขึ้น ทั้งนี้ การที่ประเทศจะไปได้ไกลต้องมีครูที่ดี มีคุณภาพ เพราะครูมีบทบาทที่สำคัญต่อนักเรียนที่จะเป็นอนาคตของชาติในอีก 20 ปีข้างหน้า ที่ผ่านมามีการเปรียบครูเป็นเรือจ้าง แต่ครูทุกวันนี้จะเป็นแค่เรือจ้างไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนเป็นแพยนต์ขนาดใหญ่ที่เมื่ออยู่ลำเดียวกันแล้วจะแตกแถวไม่ได้ ต้องร่วมมือร่วมใจในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของชาติ ซึ่งปัญหาคุณภาพการศึกษานั้น ตนไม่อยากโทษใครเพราะทุกคนพยายามเต็มที่แล้ว เพียงแต่มีปัจจัยแวดล้อมภายนอกเข้ามารบกวน จึงทำให้การขับเคลื่อนการศึกษาไปได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งจากนี้ทั้ง 5 องค์กรหลักของ ศธ.จะต้องทำงานร่วมกันให้ได้ โดยกำหนดเป้าหมายที่ต้องการและทำให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด หากทำได้ตามนี้ประเทศก็จะเดินหน้าไปได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่า มีการประเมินครูมากมายจนเป็นภาระ แต่ก็ไม่สะท้อนคุณภาพของนักเรียนที่แท้จริง ซึ่งการประเมินควรดูที่ตัวเด็ก ไม่ใช่เน้นดูว่าเด็กผ่านอย่างเดียว ต้องดูว่าเด็กที่เรียนอ่อนมีจำนวนเท่าไร และมีเด็กที่ไม่เรียนหนังสืออีกเท่าไร ต้องหาปัญหาให้ได้ว่าทำไมไม่เรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ต้องเข้ามาดูแลเด็กทั้งหมดนี้ให้ได้รับการศึกษา เพราะทุกวันนี้ปัญหาสังคมเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเด็กแว้น เด็กตั้งท้องในวัยเรียน สังคมแตกแยก ซึ่งในต่างประเทศไม่มี มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นและก็มาเรียกร้องให้ใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 แก้ปัญหา ซึ่งจะให้ใช้ทุกเรื่องไม่ได้ เพราะ ม.44 ใช้เพื่อการทำงานบางเรื่องให้สะดวกขึ้น แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการปกติ
“ขอฝากครูทุกคนให้ช่วยสอนและปลูกฝังให้เด็กรู้จักหน้าที่ มีวินัย เคารพกฎหมาย และมีจิตสาธารณะไม่ใช่ทำอะไรโดยยึดผลประโยชน์ตนเองเป็นหลัก ซึ่งเหล่านี้จะเป็นต้นตอความสงบของบ้านเมือง ที่สำคัญ ต้องสอนให้เด็กรู้จักรักการอ่าน เพราะการอ่านจะทำให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ และขอให้การสอบต่างๆเพิ่มการสอบอัตนัยให้มากขึ้น เพราะถ้าให้เด็กได้เขียนบรรยายบ้างจะทำให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็น แต่ถ้าสอบแต่ให้เลือกคำตอบจะทำให้เด็กคิดไม่เป็น ยิ่งเวลานี้สื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับนักเรียนมาก ครูไม่ควรปล่อยให้เด็กไปหาข้อมูลเพียงอย่างเดียวถ้าปล่อยไว้แบบนี้ก็ไม่ต้องมีครูสอนก็ได้ ทางที่ดีครูควรจะตั้งโจทย์และให้เด็กไปหาข้อมูลแล้วมาคุยกัน โดยครูจริง ครูกูเกิล และครูไอที ควรต้องทำงานร่วมกันให้ได้ และเด็กสมัยนี้ไม่กลัวตกซ้ำชั้นเพราะสอบซ่อมก็ผ่าน แต่กลายเป็นว่าเด็กไม่พร้อมที่จะเรียนต่อในวันหน้า เพราะฉะนั้น ฝากให้คิดว่าควรตกวันนี้เพื่อพัฒนา หรือปล่อยให้เด็กไปตกในวันข้างหน้า ศธ. ก็ไปหาทางออกเอง” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนที่ ศธ. มีนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ถือเป็นนโยบายที่ดี แต่ตนเห็นว่าครูก็น่าจะมีนโยบายลดเวลางานอื่น เพิ่มเวลางานสอนด้วย และต้องสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูต่อศิษย์ ทำให้เด็กมีความสุขและครูมีความสุข ซึ่งเท่าที่ดูครูมีแรงกดดันสูง แต่ต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจลดความโมโหลง ส่วนเรื่องหนี้สินมีทุกคน ขอให้ครูปรับตัว ทำบัญชีรายรับรายจ่ายและตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นและสิ้นเปลืองลง และช่วยสอนเด็กและชาวบ้านให้รู้จักทำบัญชีครัวเรือน รู้จักจัดระบบรายรับรายจ่าย รู้จักการยอมรับในสังคม และต้องสอนให้รู้จักเรียนรู้ไม่ใช่สอนแต่เพื่อจบปริญญาแต่ไม่มีงานทำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโอกาสนี้ นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการ ศธ. ได้มอบข้อเสนอเพื่อพัฒนาวิชาชีพครูต่อ นายกฯ ดังนี้ 1. เชิดชูเกียรติคุรุสภา ในฐานะสภาวิชาชีพ 2. สร้างมาตรฐานและธรรมาภิบาลบริหารงานบุคคลภายใต้ระบบบริหาร - ระบบค่าตอบแทนเดียวกัน และให้มีข้าราชการเพียงประเภทเดียวใน ศธ. คือ ข้าราชการครู ประกอบด้วย ครูสายการสอน ครูสายบริหารและครูสายอำนวยการ และ ก.ค.ศ. ควรได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นองค์คณะบุคคลบริหารงานบุคคลที่ไม่ด้อยไปกว่า ก.พ. ขึ้นตรงต่อ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อรักษามาตรฐานและคุณภาพของข้าราชการครูและเป็นแบบแผนแก่ครูในสังกัดอื่น
3. เสริมคุณภาพ อุดมการณ์และจิตวิญญาณความเป็นครู ซึ่งการผลิตและการพัฒนาครูต้องเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลผลักดันให้เกิดขึ้นจริง ทั้งคุณภาพและปริมาณ 4. ตั้งสถาบันพระมหาธีรราชเจ้า เพื่อสร้างนักบริหารและผู้นำการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลต้องฟื้นฟูสถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษาให้เข้มแข็ง และหล่อหลอมอุดมการณ์ พัฒนาเทคนิค นวัตกรรม และกระบวนการบริหารให้ผู้บริหารมีสมรรถนะสูงเยี่ยมเป็นผู้นำ และ 5. คืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้ครู ปัญหาหนี้สินของครู สวัสดิการและสวัสดิภาพของครู รัฐบาลต้องจัดตั้งให้มีองค์กรที่ทำหน้าที่ดูแลภายใต้กฎหมายใหม่ ที่บริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่