อธิบดีกรมแพทย์แผนไทยฯ ชี้ผลักดันใช้ "ยาสมุนไพร-บริการแพทย์แผนไทย" ในสิทธิบัตรทองมากขึ้น ช่วยลดการใช้งบประมาณกองทุน เหตุราคาถูกกว่ายานอก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ เร่งบรรจุยาสมุนไพรเข้าบัญชียาหลักฯ และสิทธิประโยชน์บัตรทองเพิ่มอีกในปี 59
นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีการหาแนวทางสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ว่า การผลักดันให้มีการใช้ยาสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยสามารถช่วยลดงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพลงได้ แม้ภาพรวมงบประมาณกองทุนบัตรทองจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม เนื่องจากประชาชนเจ็บป่วยมากขึ้น แต่หากพิจารณาเปรียบเทียบเป็นรายโรคจะพบว่า หากรับการรักษาด้วยยาสมุนไพรหรือบริการการแพทย์แผนไทยจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ามาก ยกตัวอย่าง การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม หากใช้ยาแผนปัจจุบันนั้นยาบางรายการมีราคาสูงถึง 100 กว่าบาทต่อเม็ด แต่หากเป็นยาสหัสธารา ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดเจ็บปวด ราคาอยู่ที่ประมาณ 1.50 บาทต่อเม็ดเท่านั้น เป็นต้น
นพ.สุริยะ กล่าวว่า การรักษาด้วยยาสมุนไพรและบริการการแพทย์แผนไทย บรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพฯ อยู่แล้ว โดยมียาสมุนไพรได้ขึ้นทะเบียนเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติทั้งหมด 84 ตัว ทะเบียนยาตำรับอีกกว่า 54 รายการที่สิทธิบัตรทองอนุญาตให้ใช้ได้ รวมไปถึงการนวด การฝังเข็มต่างๆ ซึ่งกรมฯ จะเร่งผลักดันให้มีการบรรจุยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติและบรรจุลงในสิทธิประโยชน์บัตรทองมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะผลักดันยาตัวใดบ้างเข้าบัญชียาหลักฯ ในปี 2559
"การผลักดันให้มีการใช้ยาสมุนไพรและบริการการแพทย์แผนไทยในสิทธิบัตรทองมากขึ้น ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดการใช้งบประมาณลงได้ นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ในเรื่องของการลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาแผนปัจจุบัน รวมถึงเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ ช่วยให้เงินทองหมุนเวียนภายในประเทศมากขึ้น ลดการใช้งบประมาณในการนำเข้าหรือซื้อยาจากต่างประเทศ" นพ.สุริยะ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่