แพทย์เผย “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง” แนวโน้มป่วยเพิ่มขึ้น ชี้การรักษาสิทธิบัตรทองยังไม่ครอบคลุม “ยาแอนติบอดี” เหตุยังไม่เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ ทำผู้ป่วยชวดโอกาสรักษาหายขาด ระบุต่างประเทศบรรจุลงบัญชียาหลักฯ แล้ว
ศ.นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองถือเป็นโรคมะเร็งทางโรคหิตวิทยาที่พบเป็นอันดับ 1 แต่เมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นจะพบอยู่ประมาณอันดับ 5 - 6 ทั้งนี้ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ มะเร็งที่มีต้นกำเนิดมาจากต่อมน้ำเหลืองหรือเนื้อเยื่อน้ำเหลืองที่เจริญเติบโตมากเกินไป โดยในแต่ละปีจะพบผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรายใหม่ในอัตรา 10 - 12 รายต่อแสนประชากร ซึ่งแนวโน้มการพบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ถึง 60% หากได้รักษาอย่างถูกวิธี แต่หากรักษาตั้งแต่ระยะแรกจะมีโอกาสหายขาดสูงถึง 80 - 90% แม้ในระยะที่ 4 ก็มีโอกาสหายขาดได้ถึง 30%
ศ.นพ.ธานินทร์ กล่าวว่า มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในไทยนั้น พบว่า ประมาณ 85% จะเป็นชนิดบีเซลล์ การรักษามีหลายแบบขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ทั้งการใช้ยาเคมีบำบัด การฉายรังสี การรักษาตามเป้าหมายหรือการให้ยาแอนติบอดี เป็นต้น แต่ปัญหาคือผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางสิทธิ์ยังเข้าไม่ถึงการรักษา เช่น ผู้ป่วยบัตรทองไม่สามารถเบิกค่ายาแอนติบอดีได้ เพราะยังไม่ได้รับการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ ทั้งที่บางประเทศ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย มีการบรรจุยาตัวนี้เข้าไปในบัญชียาหลักฯ แล้ว ทำให้ผู้ป่วยเสียโอกาสที่จะหายขาดจากโรคนี้ ส่งผลให้ผู้ป่วย 80% ได้รับการรักษาต่ำกว่ามาตรฐาน ส่วนสิทธิ์ข้าราชการสามารถเบิกยาตัวนี้ได้
“ โรคนี้สามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ โดยอายุที่พบน้อยสุดอยู่ที่ประมาณ 5 ขวบ มากสุดอยู่ที่ 90 ปี สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ แต่พบว่ามีความสัมพันธ์กับหลายภาวะ อาทิ การพบผู้ป่วยในกลุ่มที่มีอายุมากขึ้นในช่วงอายุ 55 - 60 ปี ผู้ป่วยเอชไอวีพบอุบัติการณ์ของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเพิ่มขึ้น ผู้ที่สูบบุหรี่ และการสัมผัสสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลงจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ เป็นต้น ” ศ.นพ.ธานินทร์ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
