สธ. ฟุ้งไทยมีสถานพยาบาลรัฐ - เอกชน รับรองคุณภาพมาตรฐานเจซีไอ 50 แห่ง มากสุดในอาเซียน ร่วม ก.ท่องเที่ยว ดันไทยศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พร้อมเปิดตลาดแข่งขันหวังโกยรายได้เข้าประเทศ
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายพงษ์ภานุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical and Wellness) ครั้งที่ 1/2559 เพื่อพิจารณายุทธศาสตร์การพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ
นพ.โสภณ กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทำหน้าที่ กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์การพัฒนา การประสานการขับเคลื่อนและติดตามผลการพัฒนาฯ วิเคราะห์และเสนอแนะมาตรการ เพื่อผลักดันและสนับสนุน พิจารณาเสนอแนะแนวทางและวิธีการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงาน ในการพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทั้งนี้ จุดประสงค์หลักในการทำงาน คือ การสร้างรายได้เข้าประเทศไทย
“ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ดำเนินการใน 4 ผลผลิตหลัก ได้แก่ 1. บริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ 2. บริการสุขภาพ 3. บริการวิชาการและวิจัย 4. ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา กลุ่มสินค้าและธุรกิจบริการขยายตัวอย่างต่อเนื่องมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท มีชาวไทยและต่างชาติมารับบริการ 1.2 ล้านครั้งในสัดส่วนร้อยละ 75 ต่อ 25 ด้วยจุดเด่น คือ ราคาเหมาะสม บริการมีคุณภาพ มาตรฐานสากล บุคลากรเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เทคโนโลยีทันสมัย มีการต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดี และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ได้แข่งขันด้านบริการสุขภาพ ไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและดึงดูดรายใหม่เข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ได้ร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งภาคีเครือข่ายอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีสินค้าและบริการที่พร้อมจะดำเนินการได้เลย เช่น บริการทางการแพทย์ ซึ่งมีสถานพยาบาลรัฐและเอกชนที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานนานาชาติของเจซีไอ (Joint Commission International : JCI) 50 แห่ง มากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ยังมีสปาไทย นวดไทย น้ำพุร้อน รวมทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่เป็นเอกลักษณ์
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการชุดนี้ จะได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาและอุปสรรค ทั้งในการเข้ามาใช้บริการด้านสุขภาพในประเทศไทยของชาวต่างชาติ การไปเสนอขายสินค้าและบริการด้านสุขภาพในต่างประเทศ การเข้ามาตั้งสถานประกอบการในไทย หรือการที่ไทยไปตั้งสถานบริการในต่างประเทศ รวมทั้งการเคลื่อนย้ายบุคลากร
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่