xs
xsm
sm
md
lg

เสนอ WHO รับรองไทยยุติถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี แม่สู่สูก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สธ. เผยอัตราติดเชื้อเอชไอวีของ “ทารกแรกเกิด” ในไทยลดลงจนเกือบศูนย์ เล็งเสนอ WHO รับรองการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก

วันนี้ (9 ธ.ค.) นพ.ปิยสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในงานวันเอดส์โลก Ready to stop new infection มุ่งสู่การยุติการติดเชื้อรายใหม่ในทารกแรกเกิด ที่ศูนย์อนามัยที่ 2 สระบุรี ว่า จากการให้บริการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีในหญิงตั้งครรภ์ และให้นมผสมสำหรับทารกที่คลอดจากแม่ติดเชื้อเอชไอวี มีการให้ยาต้านไวรัสในแม่และทารก เพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก และปรับเปลี่ยนสูตรยาต้านไวรัสฯ เรื่อยมา จนกระทั่งได้แนะนำให้ยา Highly Active Antiretroviral Therapy (HAART) โดยเร็วที่สุดและต่อเนื่องหลังคลอด เพื่อลดการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกตามมาตรฐานสากล ผลทางการศึกษาพบว่า การให้ยา HAART สามารถลดการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกได้ประมาณ ร้อยละ 1 และไม่ก่อให้เกิดปัญหาการดื้อยาเมื่อหยุดยาหลังคลอด สำหรับเด็กที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวีจะได้รับยาต้านไวรัสหลังคลอดทันที และจะได้รับนมผสมทดแทนนมแม่เป็นเวลา 18 เดือน และตรวจรับการวินิจฉัยติดเชื้อเอชไอวีอย่างรวดเร็วภายใน 4 เดือน ซึ่งแม่และลูกหลังคลอดจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง หญิงตั้งครรภ์ที่มีผลเลือดเอชไอวีลบจะได้รับคำแนะนำปรึกษา เพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงและให้คงผลเลือดลบตลอดไป ตลอดจนมีระบบกำกับ ติดตาม การดำเนินงานที่เข้มแข็ง ได้มาตรฐานเพื่อการเฝ้าระวังงานทั้งในระดับประเทศและระดับพื้นที่

“จากผลการดําเนินงานในช่วงปี 2553 - 2554 ความครอบคลุมในการให้บริการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกอยู่ในระดับสูง คือ หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 94.1 และเด็กที่เกิดจากแม่ติดเชื้อร้อยละ 99 ได้รับยาต้านไวรัสเพื่อลดการติดเชื้อในทารกแรกเกิด ทําให้มีอัตราการติดเชื้อเอชไอวีในทารกแรกเกิด ร้อยละ 1.80 - 2.01 ซึ่งการให้บริการการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและเชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกมีกระบวนการดำเนินงานที่มีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของทั้งระดับสากล และผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ ผลลัพธ์การดำเนินงานสามารถควบคุมการติดเชื้อในทารกแรกเกิดได้ โดยเฉพาะเชื้อเอชไอวีและเชื้อซิฟิลิส แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพ มีความพร้อมที่จะเข้าสู่การรับรองจากองค์การอนามัยโลก ในการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและเชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ลูก” รมว.สธ. กล่าว        

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในปี 2558 นี้ กรมอนามัยได้เข้าสู่กระบวนการในการขอรับรอง การยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและเชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ลูก (Validation : Elimination of Mother to Child Transmission (EMTCT) of HIV and syphilis) โดยได้ดำเนินการ อาทิ แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อการขอรับรองการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและเชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ลูก พร้อมทั้งมีคณะทำงานตรวจสอบข้อมูลด้านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ  ด้านระบบข้อมูลและผลลัพธ์การดำเนินงานป้องกัน ข้อมูลด้านสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกัน ตลอดจนขอความร่วมมือไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อลงข้อมูล กำกับติดตามการดำเนินงานของหน่วยบริการ เป็นต้น

“เนื่องจากที่ผ่านมามีหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 4,500 คนต่อปี ซึ่งหากไม่มีการป้องกันมีโอกาสถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่ส่ลูกได้ 100 คน มาตรการที่กรมอนามัยดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แห่งชาติ พ.ศ. 2555 - 2559 ประกอบด้วย 1) สถานบริการสาธารณสุขทุกเครือข่าย ควรจัดให้มีการบริการปรึกษาทั้งก่อนและหลังการตรวจหาเอชไอวีอย่างมีคุณภาพ ควรให้คำปรึกษาแบบคู่ และเก็บผลการตรวจเป็นความลับอย่างเคร่งครัด โดยแจ้งให้ทราบเฉพาะรายบุคคลและผู้ที่ได้รับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีอนุญาตเท่านั้น 2) หญิงตั้งครรภ์ทุกคนและสามีหรือคู่ครอง จะได้รับการปรึกษาแบบคู่และตรวจหาเชื้อเอชไอวีด้วยความสมัครใจ หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวีจะได้รับการตรวจเซลล์ CD4 และได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่มีฤทธิ์สูง หรือรักษาด้วยยาต้านไวรัสอื่น ๆ 3) เด็กที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อเอชไอวีจะได้รับยาต้านไวรัส เมื่อแรกเกิดจะได้รับนมผสมสำหรับเลี้ยงเด็กทารก และได้รับการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี และ 4) แม่ ลูก และสามี หรือคู่ครองที่ติดเชื้อเอชไอวีจะได้รับยาต้านไวรัสตามการติดเชื้อ การส่งเสริมสุขภาพ และติดตามการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น